สปสช.ยันวัคซีนมีประสิทธิภาพจนวันสุดท้ายที่หมดอายุ ส่วนวัคซีนรวมหัด คางทูม หัดเยอรมัน สามารถให้ในผู้ใหญ่ได้ เหตุการกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติลดลง ด้านแหล่งข่าวโต้กลับ กรมแพทย์ทหารบกทำหนังสือขอวัคซีนเอง 1.5 แสนโดส แต่เป็นการประสานภายในจึงอาจไม่ทราบเรื่อง
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีแพทย์ทหารบกออกมาร้องเรียนว่า หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเตรียมบริจาควัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน จำนวน 1 แสนโดส ให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แต่ค่ายทหารยังไม่รับวัคซีนดังกล่าว เนื่องจากวัคซีนใกล้หมดอายุ ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่ออกมาร้องเรียน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันแล้ว เนื่องจากวัคซีนไม่เหมือนอาหารทั่วไป เพราะแม้จะหมดอายุในวันสุดท้ายก็ยังมีประสิทธิภาพเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ที่หลายคนเข้าใจว่าฉีดเฉพาะกลุ่มเด็ก จริงๆ แล้วสามารถใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ได้ เนื่องจากปัจจุบันการกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติลดลง เพราะมีการใช้วัคซีนพื้นฐานอย่างทั่วถึง ดังนั้น จึงพบการระบาดในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีการอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัย ค่ายทหาร ฯลฯ หากฉีดในค่ายทหารได้ก็ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการการระบาดของโรคด้วย
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า น่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2556 ได้มีหนังสือจากกรมแพทย์ทหารบกที่ กห 0446/997 ประสานมายัง สปสช.ในการขอวัคซีนรวม โรคหัด โรคคางทูม และหัดเยอรมัน เพื่อจัดสรรให้แก่กำลังพลและครอบครัว จำนวน 150,000 โดส ด้วยเหตุนี้ เข้าใจว่าอาจเป็นการประสานภายใน และกระจายส่งให้หน่วยงานในสังกัด ซึ่งอาจไม่ทราบเรื่อง และไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงมีเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แม้จะใกล้หมดอายุในช่วง ธ.ค. 2556 ก็ตาม ส่วนกรณีที่ว่า กอ.รมน.ปฏิเสธรับวัคซีนชนิดนี้ ทราบมาว่าไม่มีการประสานให้แต่อย่างใด
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีแพทย์ทหารบกออกมาร้องเรียนว่า หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเตรียมบริจาควัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน จำนวน 1 แสนโดส ให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แต่ค่ายทหารยังไม่รับวัคซีนดังกล่าว เนื่องจากวัคซีนใกล้หมดอายุ ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่ออกมาร้องเรียน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันแล้ว เนื่องจากวัคซีนไม่เหมือนอาหารทั่วไป เพราะแม้จะหมดอายุในวันสุดท้ายก็ยังมีประสิทธิภาพเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ที่หลายคนเข้าใจว่าฉีดเฉพาะกลุ่มเด็ก จริงๆ แล้วสามารถใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ได้ เนื่องจากปัจจุบันการกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติลดลง เพราะมีการใช้วัคซีนพื้นฐานอย่างทั่วถึง ดังนั้น จึงพบการระบาดในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีการอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัย ค่ายทหาร ฯลฯ หากฉีดในค่ายทหารได้ก็ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการการระบาดของโรคด้วย
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า น่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2556 ได้มีหนังสือจากกรมแพทย์ทหารบกที่ กห 0446/997 ประสานมายัง สปสช.ในการขอวัคซีนรวม โรคหัด โรคคางทูม และหัดเยอรมัน เพื่อจัดสรรให้แก่กำลังพลและครอบครัว จำนวน 150,000 โดส ด้วยเหตุนี้ เข้าใจว่าอาจเป็นการประสานภายใน และกระจายส่งให้หน่วยงานในสังกัด ซึ่งอาจไม่ทราบเรื่อง และไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงมีเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แม้จะใกล้หมดอายุในช่วง ธ.ค. 2556 ก็ตาม ส่วนกรณีที่ว่า กอ.รมน.ปฏิเสธรับวัคซีนชนิดนี้ ทราบมาว่าไม่มีการประสานให้แต่อย่างใด