สมาคมการประมงระยอง เตรียมประชุมสมาชิกเรือประมงพาณิชย์สัปดาห์นี้ สรุปข้อมูลความเสียหายพร้อมหาข้อสรุปจะฟ้องหรือไม่ ห่วงขจัดคราบน้ำมันล่าช้า เล็งจ้างนักวิจัยมหาวิทยาลัยศึกษาผลกระทบระยะยาว
วันนี้ (31 ก.ค.) นายฉัตรชัย ใจดี รองนายกสมาคมการประมงจังหวัดระยอง กล่าวถึงกรณีท่อน้ำมันของบริษัท ปตท.รั่ว ทำให้เกิดคราบน้ำมันเป็นจำนวนมากที่บริเวณเกาะเสม็ด จ.ระยองว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเรือประมงพาณิชย์ที่หาปลาในพื้นที่น้ำลึกอย่างชัดเจน แต่ในส่วนของเรือประมงพื้นบ้านนั้นได้รับผลกระทบชัดเจน และทราบว่ากลุ่มเรือประมงพื้นบ้านซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 1,000 ราย และไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมนั้นได้มีเรือประมงพื้นบ้านบางส่วนไปแจ้งความในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ล่าสุดตนได้รับแจ้งว่ามีปลาขึ้นมาตายที่หาดตะกอน ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่มีข้อมูลและหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นผลกระทบมาจากปัญหาคราบน้ำมันที่เกาะเสม็ดหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องหาสาเหตุและหลักฐานให้ชัดเจนก่อน จึงจะสรุปได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร
“คาดว่าภายในสัปดาห์นี้สมาคมฯจะประชุมหารือกับสมาชิก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์กว่า 400 ราย เพื่อสำรวจถึงความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นและเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง บริษัท ปตท.กระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม ให้พิจารณาออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เบื้องต้นเท่าที่พูดคุยกับกรรมการสมาคมฯ อยากให้มีการจ้างนักวิชาการ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมาศึกษาถึงคุณภาพน้ำและผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเพราะพื้นที่อ่าวระยองเป็นพื้นที่ในการวางไข่และอนุบาลปลา” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการฟ้องร้องบริษัทปตท.หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังบอกอะไรไม่ได้เพราะยังไม่มีสมาชิกร้องเรียนและขอให้สมาคมฯช่วยยื่นฟ้อง รวมทั้งจะต้องประชุมหารือกับสมาชิกสมาคมก่อนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ขณะนี้เรื่องเร่งด่วนที่อยากให้บริษัท ปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการก็คือ การขจัดคราบน้ำมันออกจากบริเวณเกาะเสม็ดให้หมดไปโดยเร็วที่สุด แต่เวลานี้ยังเป็นไปอย่างล่าช้า ควรดำเนินการโดยเร็วเพื่อลดความเสียหายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคประมงและระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของห่วงโซ่อาหารในทะเลที่ยังไม่เห็นผลกระทบเป็นรูปธรรม
วันนี้ (31 ก.ค.) นายฉัตรชัย ใจดี รองนายกสมาคมการประมงจังหวัดระยอง กล่าวถึงกรณีท่อน้ำมันของบริษัท ปตท.รั่ว ทำให้เกิดคราบน้ำมันเป็นจำนวนมากที่บริเวณเกาะเสม็ด จ.ระยองว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเรือประมงพาณิชย์ที่หาปลาในพื้นที่น้ำลึกอย่างชัดเจน แต่ในส่วนของเรือประมงพื้นบ้านนั้นได้รับผลกระทบชัดเจน และทราบว่ากลุ่มเรือประมงพื้นบ้านซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 1,000 ราย และไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมนั้นได้มีเรือประมงพื้นบ้านบางส่วนไปแจ้งความในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ล่าสุดตนได้รับแจ้งว่ามีปลาขึ้นมาตายที่หาดตะกอน ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่มีข้อมูลและหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นผลกระทบมาจากปัญหาคราบน้ำมันที่เกาะเสม็ดหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องหาสาเหตุและหลักฐานให้ชัดเจนก่อน จึงจะสรุปได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร
“คาดว่าภายในสัปดาห์นี้สมาคมฯจะประชุมหารือกับสมาชิก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์กว่า 400 ราย เพื่อสำรวจถึงความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นและเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง บริษัท ปตท.กระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม ให้พิจารณาออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เบื้องต้นเท่าที่พูดคุยกับกรรมการสมาคมฯ อยากให้มีการจ้างนักวิชาการ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมาศึกษาถึงคุณภาพน้ำและผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเพราะพื้นที่อ่าวระยองเป็นพื้นที่ในการวางไข่และอนุบาลปลา” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการฟ้องร้องบริษัทปตท.หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังบอกอะไรไม่ได้เพราะยังไม่มีสมาชิกร้องเรียนและขอให้สมาคมฯช่วยยื่นฟ้อง รวมทั้งจะต้องประชุมหารือกับสมาชิกสมาคมก่อนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ขณะนี้เรื่องเร่งด่วนที่อยากให้บริษัท ปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการก็คือ การขจัดคราบน้ำมันออกจากบริเวณเกาะเสม็ดให้หมดไปโดยเร็วที่สุด แต่เวลานี้ยังเป็นไปอย่างล่าช้า ควรดำเนินการโดยเร็วเพื่อลดความเสียหายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคประมงและระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของห่วงโซ่อาหารในทะเลที่ยังไม่เห็นผลกระทบเป็นรูปธรรม
