ศูนย์ข่าวศรีราชา - หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เข้าแจ้งความเอาผิดบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในข้อหาผิด พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพหิน ดิน ทรายแล้ว ขณะที่ รมว.ท่องเที่ยวฯ นำคณะลงพื้นที่อ่าวพร้าว ต.เสม็ด หวังสร้างความมั่นใจผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาคราบน้ำมันว่าจะได้รับการเยียวยา
นายสุเมธ สายทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เผยว่า ขณะนี้ได้เข้าแจ้งความเอาผิดต่อบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) แล้ว ในข้อหา พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพหิน ดิน ทราย ซึ่งเป็น พ.ร.บ.ของกรมอุทยานฯ นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ดำน้ำสำรวจแนวปะการังที่อยู่บริเวณอ่าวพร้าว ซึ่งก็พบมีคราบน้ำมันดิบเกาะติดตามต้นปะการัง และได้เก็บตัวอย่างปะการังที่ปนเปื้อนส่งให้นักวิชาการที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ จากนั้นจะนำผลแจ้งต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ขณะที่เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้เดินทางมาดูสภาพของอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด พร้อมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้คราบน้ำมัน โดยพบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงน้ำขึ้น ทำให้การเก็บกู้คราบน้ำมันเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ยังถือเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะสามารถเก็บกู้คราบน้ำมันได้แล้วกว่าร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือเป็นแค่คราบน้ำมันปนน้ำ และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.)สภาพน้ำทะเลบริวเณอ่าวพร้าวจะใสขึ้น
โดยนายสมศักย์ เผยว่า ในเวลา 10.00 น. พรุ่งนี้ (1 ส.ค.) จะเรียกประชุมผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม และที่พักที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาคราบน้ำมันเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูบรรยากาศการท่องเที่ยวให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นการกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดให้กลับมาเหมือนเดิมโดยเร็ว
นอกจากนั้น ยังจะจัดให้มีการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องร่วมกันเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาเที่ยวบนเกาะเสม็ด ด้วยการจัดรายงานส่งเสริมการขายจูงใจนักท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
กลุ่มประมงหวั่นคราบน้ำมันที่กระจายเต็มอ่าวพร้าวส่งผลทำกิน
ขณะที่ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันบนอ่าว ได้รับการเปิดเผยจาก นายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรี ต.บ้านเพ ว่า ขณะนี้คราบน้ำมันได้ปกคลุมอ่าวพร้าวจนเต็มทั้งอ่าวแล้ว ซึ่งกลุ่มประมงพื้นบ้านเพ ปากคลองแกลง สวนสน ฯลฯ ต่างมีความวิตกในการประกอบอาชีพ เพราะจุดที่คราบน้ำมันเข้าปกคลุมได้พัดผ่านแนวทำประมง
จึงมีทั้งกลิ่นเหม็น รวมทั้งคราบน้ำมันที่ถูกสารสลายจมลงสู่ใต้ทะเล ซึ่งจะทำให้สัตว์ทะเลที่อยู่ในแนวร่องลม ทั้งกุ้ง หอย ปู และปลา ต้องหนีกลิ่นเหม็นคราบไปอยู่ในพื้นที่อื่น สร้างผลกระทบต่อการทำกินของกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กที่มีฐานะยากจน
โดยขณะนี้ กลุ่มประมงพื้นบ้านได้เข้าร้องเรียนเพื่อขอรับการเยียวยา และนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง ก็มีคำสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำเภอ รอรับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มประมงที่เข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์แล้วกว่า 300 ราย
ส่วนการท่องเที่ยวในหาดอื่นๆ บนเกาะเสม็ดนั้น ในวันนี้ยังคงคึกคัก โดยนักท่องเที่ยวยังเลือกเดินทางเข้าพักด้านทิศตะวันออกของเกาะ ที่มีอ่าวต่างๆ รวม 18 อ่าว
“ผมว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงในอนาคตคือ ระบบนิเวศ เพราะเรายังไม่ทราบว่ากรณีที่ใช้สารเคมีสลายคราบน้ำมันให้แตกเป็นเม็ด และจมลงใต้ทะเล วันดีคืนดีคราบน้ำมันจะถูกคลื่นซัดเข้าชายหาดหรือไม่ นอกจากนั้น ยังห่วงเรื่องบริเวณหลังเขื่อนกันคลื่นที่มีการเลี้ยงปลากระชังจำนวนจำนวนมาก ก็ต้องมีการเฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเฝ้าจับตาคราบน้ำมันว่าจะเข้าใกล้ฝั่งบ้านเพ ที่การเลี้ยงปลาในกระชังทั้งปลาเก๋า ปลากะพง ปลาอั้งฮื้อ ซึ่งล้วนเป็นปลาที่มีราคาแพงอีกด้วย” นายไพรัตน์กล่าว
