สช.เตรียมเสนอ ครม.ให้ยกเลิกผลิตภัณฑ์จากแร่ใยหิน 5 ชนิด “กระเบื้องแผ่นเรียบ-กระเบื้องยางปูพื้น-ผ้าเบรกและคลัตช์-ท่อซีเมนต์ใยหิน-กระเบื้องมุงหลังคา” 9 ก.ค.นี้ ตั้งกรอบระยะเวลา 5 ปี
วันนี้ (5 ก.ค.) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวในการแถลงข่าวเรื่อง “สังคมไทยต้องไร้แร่ใยหิน” ว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554 ให้ดำเนินมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ซึ่งเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ปี 2553 โดยให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาผลกระทบจากการใช้แร่ใยหินอย่างรอบด้าน ซึ่งพบว่าแร่ใยหินทุกชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง มีอันตรายต่อสุขภาพ อย่างข้อมูลขององค์การอนามัยโลก และองค์กรวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ก็ระบุว่า แร่ใยหินเป็นสารก่อมะเร็งที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกกว่า 90,000 ราย/ปี และมีมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกที่ยกเลิกการใช้แล้ว แม้ไทยจะยังมีข้อมูลผู้เสียชีวิตไม่มาก แต่ก็เริ่มปรากฏหลักฐานแล้ว และจากการเก็บข้อมูลยังพบว่า ประเทศผู้ผลิตและส่งออกแร่ใยหินมีปริมาณการใช้แร่ใยหินลดลง เช่น คาซัคสถาน ลดลง 97% รัสเซีย ลดลง 38% จีน ลดลง 17% และบราซิล ลดลง 10%
นพ.อำพล กล่าวอีกว่า จากมติ ครม.เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2554 ที่มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแผนและกรอบเวลายกเลิกการนำเข้าผลิตและจำหน่ายแร่ใยหินและผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบนั้น จากการติดตามผลการดำเนินงานที่ ก.อุตสาหกรรม ได้จ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นที่ปรึกษาจัดทำร่างแผน เตรียมยกเลิกการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.กระเบื้องแผ่นเรียบ 2.กระเบื้องยางปูพื้น 3.ผ้าเบรกและคลัตช์ 4.ท่อซีเมนต์ใยหิน และ 5.กระเบื้องมุงหลังคา เพื่อสรุปเสนอเป็นแผนขอความเห็นชอบจาก ครม. โดยจะมีการนำเสนอเข้า ครม.ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ให้ไทยยกเลิก 5 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ทำจากแร่ใยหินภายใน 5 ปี
“ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่ใยหินอย่างผ้าเบรกและคลัตช์ที่มีกรอบระยะเวลาในการยกเลิก 5 ปี ก็จะดำเนินการเฉพาะส่วนของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลขนาดเล็กก่อน เนื่องจากในรถบรรทุกยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่วนท่อซีเมนต์ใยหินจะให้ยกเลิกเฉพาะท่อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 400 มม.เพราะท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 400 มม.ขึ้นไป กรมชลประทานมีหนังสือถึง ก.อุตสาหกรรม ว่าขอให้มีการขยายเวลาในการยกเลิก เนื่องจากติดขัดเรื่องความพร้อมในการผลิต ส่วนอีก 3 ผลิตภัณฑ์ที่เหลือที่เสนอให้ยกเลิกภายใน 5 ปี ก็อยู่ที่ความเห็นชอบของ ครม.” นพ.อำพล กล่าว
วันนี้ (5 ก.ค.) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวในการแถลงข่าวเรื่อง “สังคมไทยต้องไร้แร่ใยหิน” ว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554 ให้ดำเนินมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ซึ่งเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ปี 2553 โดยให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาผลกระทบจากการใช้แร่ใยหินอย่างรอบด้าน ซึ่งพบว่าแร่ใยหินทุกชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง มีอันตรายต่อสุขภาพ อย่างข้อมูลขององค์การอนามัยโลก และองค์กรวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ก็ระบุว่า แร่ใยหินเป็นสารก่อมะเร็งที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกกว่า 90,000 ราย/ปี และมีมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกที่ยกเลิกการใช้แล้ว แม้ไทยจะยังมีข้อมูลผู้เสียชีวิตไม่มาก แต่ก็เริ่มปรากฏหลักฐานแล้ว และจากการเก็บข้อมูลยังพบว่า ประเทศผู้ผลิตและส่งออกแร่ใยหินมีปริมาณการใช้แร่ใยหินลดลง เช่น คาซัคสถาน ลดลง 97% รัสเซีย ลดลง 38% จีน ลดลง 17% และบราซิล ลดลง 10%
นพ.อำพล กล่าวอีกว่า จากมติ ครม.เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2554 ที่มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแผนและกรอบเวลายกเลิกการนำเข้าผลิตและจำหน่ายแร่ใยหินและผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบนั้น จากการติดตามผลการดำเนินงานที่ ก.อุตสาหกรรม ได้จ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นที่ปรึกษาจัดทำร่างแผน เตรียมยกเลิกการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.กระเบื้องแผ่นเรียบ 2.กระเบื้องยางปูพื้น 3.ผ้าเบรกและคลัตช์ 4.ท่อซีเมนต์ใยหิน และ 5.กระเบื้องมุงหลังคา เพื่อสรุปเสนอเป็นแผนขอความเห็นชอบจาก ครม. โดยจะมีการนำเสนอเข้า ครม.ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ให้ไทยยกเลิก 5 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ทำจากแร่ใยหินภายใน 5 ปี
“ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่ใยหินอย่างผ้าเบรกและคลัตช์ที่มีกรอบระยะเวลาในการยกเลิก 5 ปี ก็จะดำเนินการเฉพาะส่วนของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลขนาดเล็กก่อน เนื่องจากในรถบรรทุกยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่วนท่อซีเมนต์ใยหินจะให้ยกเลิกเฉพาะท่อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 400 มม.เพราะท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 400 มม.ขึ้นไป กรมชลประทานมีหนังสือถึง ก.อุตสาหกรรม ว่าขอให้มีการขยายเวลาในการยกเลิก เนื่องจากติดขัดเรื่องความพร้อมในการผลิต ส่วนอีก 3 ผลิตภัณฑ์ที่เหลือที่เสนอให้ยกเลิกภายใน 5 ปี ก็อยู่ที่ความเห็นชอบของ ครม.” นพ.อำพล กล่าว
