T-BAN พร้อมเครือข่ายผู้ป่วยแร่ใยหิน บุกทำเนียบ 9 ก.ค.นี้ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ยกเลิกนำเข้าแร่ใยหินภายในปีนี้ พร้อมจับตาประชุม ครม.9 ก.ค. ชี้ ก.อุตฯ เตรียมเสนอยืดเวลาใช้แร่ใยหินไปอีก 4 ปี ส่อขัดมติ ครม.เดิมให้สิ้นสุดปี 55 ด้าน นพ.สุรศักดิ์ ชี้หากครม.เห็นชอบนำเข้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยแน่นอน
นางสมบุญ สีคำดอกแค เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) กล่าวว่า จากกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายให้พิจารณาหาแนวทางยกเลิกการใช้ใยหินไครโซไทล์ตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2554 นั้น ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอแผนงานเพื่อการลดและเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบจำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ เข้า ครม.ในวันที่ 9 ก.ค.2556 ซึ่งเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมติ ครม.โดยยืดเวลาการยกเลิกกระเบื้องมุงหลังคา ท่อซีเมนต์ใยหิน ผ้าเบรกและคลัตช์ ไปจนถึงปี 2560 เครือข่ายฯ มีความกังวลต่อการตัดสินใจ ของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจาณาข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยขาดความตระหนักต่ออันตรายจากแร่ใยหินไครโซไทล์ที่นานาประเทศได้มีบทเรียนและผลกระทบอย่างรุนแรงมาก
“เครือข่ายฯ จึงมีข้อเสนอต่อ ครม.ทางเครือข่ายฯ จึงมีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีขอให้ ครม.มีมติ ดังนี้ 1.ยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบแร่ใยหินไครโซไทล์ภายในปี 2556 2.ยกเลิกการผลิตสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ ภายในปี 2557 และ 3.ยกเลิกการนำเข้าสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ทั้งหมดภายในปี 2558 และในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทางเครือข่ายฯ และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหิน กว่า 120 คน จะไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และจะติดตามการประชุม ครม.อย่างใกล้ชิด” นางสมบุญกล่าว
ด้านศ.ดร.นพ.สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพบผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ซึ่งมีสาเหตุจากแร่ใยหินเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ผู้ป่วยรายนี้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทำการตัดเจาะวัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ อย่างไรก็ตามการพบผู้ป่วยโรคจากแร่ใยหินยังมีจำนวนน้อยของไทยเป็นผลจากการขาดระบบเฝ้าระวังและวินิจฉัยโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งรีบแก้ไขและดำเนินการ และทางเดียวที่จะลดโรคที่เกิดจากแร่ใยหินได้คือ การเลิกใช้แร่ใยหินทุกชนิดรวมทั้งไครโซไทล์ด้วย ทั้งนี้ หาก ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยอย่างแน่นอน ทั้งที่องค์การอนามัยโลก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และ องค์กรนานาชาติด้านการวิจัยมะเร็ง ยืนยันเป็นเอกภาพในการสนับสนุนมาตรการการยกเลิกการใช้ใยหิน
นางสมบุญ สีคำดอกแค เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) กล่าวว่า จากกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายให้พิจารณาหาแนวทางยกเลิกการใช้ใยหินไครโซไทล์ตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2554 นั้น ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอแผนงานเพื่อการลดและเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบจำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ เข้า ครม.ในวันที่ 9 ก.ค.2556 ซึ่งเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมติ ครม.โดยยืดเวลาการยกเลิกกระเบื้องมุงหลังคา ท่อซีเมนต์ใยหิน ผ้าเบรกและคลัตช์ ไปจนถึงปี 2560 เครือข่ายฯ มีความกังวลต่อการตัดสินใจ ของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจาณาข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยขาดความตระหนักต่ออันตรายจากแร่ใยหินไครโซไทล์ที่นานาประเทศได้มีบทเรียนและผลกระทบอย่างรุนแรงมาก
“เครือข่ายฯ จึงมีข้อเสนอต่อ ครม.ทางเครือข่ายฯ จึงมีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีขอให้ ครม.มีมติ ดังนี้ 1.ยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบแร่ใยหินไครโซไทล์ภายในปี 2556 2.ยกเลิกการผลิตสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ ภายในปี 2557 และ 3.ยกเลิกการนำเข้าสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ทั้งหมดภายในปี 2558 และในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทางเครือข่ายฯ และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหิน กว่า 120 คน จะไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และจะติดตามการประชุม ครม.อย่างใกล้ชิด” นางสมบุญกล่าว
ด้านศ.ดร.นพ.สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพบผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ซึ่งมีสาเหตุจากแร่ใยหินเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ผู้ป่วยรายนี้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทำการตัดเจาะวัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ อย่างไรก็ตามการพบผู้ป่วยโรคจากแร่ใยหินยังมีจำนวนน้อยของไทยเป็นผลจากการขาดระบบเฝ้าระวังและวินิจฉัยโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งรีบแก้ไขและดำเนินการ และทางเดียวที่จะลดโรคที่เกิดจากแร่ใยหินได้คือ การเลิกใช้แร่ใยหินทุกชนิดรวมทั้งไครโซไทล์ด้วย ทั้งนี้ หาก ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยอย่างแน่นอน ทั้งที่องค์การอนามัยโลก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และ องค์กรนานาชาติด้านการวิจัยมะเร็ง ยืนยันเป็นเอกภาพในการสนับสนุนมาตรการการยกเลิกการใช้ใยหิน
