xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตแร่ใยหิน...ยิ่งแบนช้า โรคยิ่งรุมเร้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย...สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์

จากเวทีประชุมกลุ่มรณรงค์ยกเลิกการใช้แร่ใยหินแห่งเอเชีย (A-BAN) ซึ่งมีประเทศสมาชิกต่างๆ ผลัดกันออกมาบอกเล่าถึงพิษร้ายของการใช้แร่ใยหิน ทำให้ทราบว่า “แร่ใยหิน (Asbestos)” เป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานสัมผัสโดยตรง อาทิ การผลิตกระเบื้อง ซีเมนต์ คลัตช์ ท่อน้ำ เป็นต้น

ขณะนี้หลายประเทศได้ตื่นตัวและตระหนักถึงอันตรายของแร่ใยหินแล้ว แม้ยังไม่มากเท่าที่ควร แต่รัฐบาลของหลายประเทศก็เริ่มรณรงค์ให้ยกเลิกใช้แร่ใยหิน โดยฮ่องกง คาดว่า ปี 2556 จะสามารถออกกฎหมายบังคับยกเลิกการใช้แร่ใยหินได้ ส่วนญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่ประเทศผู้ผลิตแร่ใยหินอย่างแคนาดาได้ประกาศยกเลิกแล้ว
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
สำหรับไทยถือว่ายังส่อแววยาว นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า แม้จะมีมติ ครม.ให้ยกเลิกใช้แร่ใยหินภายในปี 2555 เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2554 แล้วก็ตาม โดยมอบหมายให้ ก.อุตสาหกรรม ทำแผนการแบนแร่ใยหิน แต่กลับมีการชะลอการยกเลิก เนื่องจากเป็นห่วงผู้ประกอบการและเกรงจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการสวนกระแสความจริง และมติ ครม.ซึ่งตรงนี้ต้องเร่งผลักดันอย่างต่อเนื่อง

การผลักดันต้องอาศัย 3 พลังในการดำเนินการ คือ 1.พลังของทุกหน่วยงานที่ต้องการเห็นประชาชนมีสุขภาวะที่ดี 2.พลังปัญญาจากทั้งในและต่างประเทศ และ 3.พลังการเมืองเพื่อออกนโยบายสาธารณะ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด เพราะหากผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมีความผูกพันและความจริงใจ เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้

ทว่า ความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะขณะนี้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมไล่บี้ ก.อุตสาหกรรม ให้เดินหน้ายกเลิกการใช้แร่ใยหิน ซึ่ง นพ.ประสิทธิ์ ชัยรัตนะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า เป็นเพราะการเมืองยังไม่นิ่ง จึงไม่สามารถเร่ง ก.อุตสาหกรรม ให้ออกระเบียบยกเลิกใช้แร่ใยหินภายในปีนี้ได้ รวมไปถึง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ให้ ก.อุตสาหกรรม พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งที่ตนได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการวางแผนหยุดการใช้แร่ใยหิน และรายงานนายกฯแล้วว่า สมควรยกเลิกนำเข้าแร่ใยหินภายในปีนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีอันตรายต่อสุขภาพ และหลายบริษัทได้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินในการผลิตแล้ว

“เชื่อว่า ภายใน 2-3 ปี จะสามารถยกเลิกได้ทั้งหมด เพราะหลายประเทศยกเลิกใช้แร่ใยหินแล้ว ผู้ประกอบการที่ผลิตวัสดุจากแร่ใยหินก็จะไม่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ไปขายได้ สุดท้ายก็ต้องเลิกใช้แร่ใยหินไปโดยปริยาย แต่เป็นไปในลักษณะของการค่อยๆ ลดการนำเข้าลง”

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะยังเพิกเฉยต่อเรื่องดังกล่าว แต่ยังมีหน่วยงานบางกลุ่มที่เร่งรณรงค์ให้ยกเลิกใช้แร่ใยหิน นพ.อดุลย์ บัณฑุกุล เลขาธิการสมาพันธ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเครือข่ายสังคมไทยไร้แร่ใยหิน (T-BAN) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มจะเร่งค้นหาผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดซึ่งเกิดจากการทำงานสัมผัสแร่ใยหิน เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้รัฐบาล เห็นว่า การใช้แร่ใยหินส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างแท้จริง และต้องมีการบังคับให้ยกเลิกการใช้โดยทันที ซึ่งตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยแล้ว 3 ราย ซึ่งมีการประกาศลงในวารสารว่ามีการทำงานสัมผัสแร่ใยหินจนป่วยเป็นโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดและเสียชีวิตในที่สุด ส่วนในปีนี้พบเพิ่มอีก 2 ราย

นพ.อดุลย์ กล่าวด้วยว่า เคสผู้ป่วยจากการทำงานสัมผัสแร่ใยหินจะมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากไทยยังมีการนำเข้าแร่ใยหินเป็นปริมาณมากจนติดอันดับต้นๆ ของโลก หากยิ่งชะลอการยกเลิกนำเข้าและใช้แร่ใยหินนานเท่าไร คนก็จะยิ่งเจ็บป่วยจากการการสัมผัสแร่ใยหินมากขึ้นเท่านั้น และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น