เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปวินาทีจรวดไร้ลูกเรือของรัสเซียเกิดระเบิดกลางอากาศเมื่อวันอังคาร (2) หลังทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวดคอสโมโดรม ในเมืองไบโคนูร์ ประเทศคาซัคสถาน ไม่กี่นาที ทำเชื้อเพลิงมีพิษสูงพุ่งกระจายกลางอากาศ หายนะทางโครงการอวกาศแดนหมีขาวหนล่าสุดที่เกิดขึ้นท่ามกลางการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์
ในคลิปวิดีโอระทึกพบเห็นจรวดไร้ลูกเรือ “โปรตอน-เอ็ม” ที่มีวัตถุประสงค์บรรทุกดาวเทียมระบบนำร่อง “โกลนาส-เอ็ม” 3 ดวงขึ้นสู่อวกาศ หลุดออกจากวิถีโคจรไม่นานหลังถูกปล่อยออกจากฐานคอสโมโดรม ณ เวลาประมาณ 06.38 น. (ตรงกับเมืองไทย 09.38 น.) ก่อนระเบิดตูมสนั่น จากนั้นจรวดก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วลุกไหม้ พร้อมเกิดกลุ่มควันดำขนาดใหญ่ ขณะที่นายวลาดิมีร์ บอซโก รัฐมนตรีกระทรวงฉุกเฉินของคาซัคสถาน สันนิษฐานว่าต้นตอน่าจะเกิดจากเหตุขัดข้องของเครื่องยนต์ตรงท่อนแรกของจรวด
จรวดลูกนี้ร่วงลงห่างจากฐานปล่อยคอสโมโดรมที่รัสเซียเช่าจากคาซัคสถานไปราวๆ 2.5 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม องค์การอวกาศรัสเซีย (รอสคอสมอส) ระบุว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ก่อความเสียหายหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตใดๆ แต่ได้มีการปิดล้อมพื้นที่โดยรอบในทันที ด้วยประชาชนที่พำนักอยู่ตามเมืองที่อยู่ใกล้เคียง ในนั้นรวมถึงไบโคนูร์ ได้รับคำเตือนให้อยู่แต่ในตัวอาคารและปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด
ทัลกัต มูซาบาเยฟ ผู้อำนวยการองค์การอวกาศของคาซัคสถาน ระบุว่า จรวดลูกนี้บรรทุกเชื้อเพลิง 600 ตัน อันประกอบด้วยสารพิษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเคโรซีน เฮพทิลและเอมิล โดยเฉพาะเฮพทิล ที่ทราบกันดีว่ามีความอัตรายกว่าอาวุธเคมีซารินเสียอีก
กระนั้นก็ดี เจ้าหน้าที่คาซัคสถานออกมาคลายความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่มันอาจก่ออันตรายแก่ประชาชน ด้วยบอกว่าเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้กลางอากาศ ขณะที่โฆษกสำนักงานองค์การอวกาศคาซัคสถานเสริมว่า จากการสุ่มตรวจตัวอย่างอากาศและดินในพื้นที่ ณ เวลา 06.00 น. จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 13.00 น.) ไม่พบร่องรอยของเฮพทิลและเอมิลหลงเหลืออยู่แต่อย่างใด
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หายนะทางโครงการอวกาศครั้งนี้ได้กัดเซาะชื่อเสียงของจรวดโปรตอน-เอ็ม ซึ่งขึ้นชื่อด้านความไว้วางใจได้อย่างรุนแรง “โปรตอน คือม้าใช้หลักของเราในเชิงพาณิชย์” วาดิม ลูคาเชวิช นักวิเคราะห์ทางอวกาศบอกกับเอเอฟพี “ตอนนี้พวกนักธุรกิจอาจเริ่มคิดแล้วก็ได้ว่าบางทีพวกเขาอาจต้องหันไปหาจรวดบรรทุกอื่นๆ”
พร้อมกันนั้นเขายังคาดหมายด้วยว่ารัสเซียอาจต้องเจอแรงกดดันจากคาซัคสถานเพิ่มเติมต่อข้อเรียกร้องขอขึ้นค่าเช่าฐานคอสโมโดรม ขณะเดียวกันเหล่านักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชื่อดังของคาซัคสถานก็กล่าวโทษมอสโกต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดล่าสุด
แม้ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย อาทิ การส่งมนุษย์คนแรกขึ้นสู่อวกาศในปี 1961 อันนำพามาซึ่งเสียงสรรเสริญต่อโครงการด้านอวกาศของรัสเซีย แต่ช่วงหลายครั้งที่ผ่านมาพวกเขากลับต้องพบกับความอับอายบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียดาวเทียมมูลค่ามหาศาล รวมไปถึงยานลำเลียงไร้ลูกเรือที่มุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ
หายนะทางอวกาศเมื่อวันอังคาร (2) ย้อนให้นึกถึงโศกนาฏกรรม ณ ฐานคอสโมโดรมแห่งเดียวกันนี้เมื่อปี 1960 หลังจรวดต้นแบบเกิดระเบิดตรงฐานยิงและพ่นเชื้อเพลิงมีพิษขึ้นสู่อากาศ จนถูกขนานนามว่า “พิษแห่งปีศาจ” โดยอุบัติเหตุคราวนั้นมีบาดเจ็บมากถึง 126 คน ส่วนใหญ่เป็นอาการที่ผิวหนังถูกความร้อนจากจรวดเผาไหม้จนเกรียม และการสำลักควันพิษที่มาจากการลุกไหม้ของเชื้อเพลิง ด้วยบางส่วนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เป็นที่ทราบกันดีว่า สหภาพโซเวียตที่ส่วนหนึ่งแตกออกมาเป็นรัสเซียในปัจจุบันขับเคี่ยวกับสหรัฐอเมริกาในเรื่องการพัฒนาโครงการอวกาศมานานกว่า 5 ทศวรรษ ทว่า ฝั่งมอสโกในอดีตต่างจากวอชิงตันตรงที่จะเก็บโครงการของตนเป็นความลับสุดยอดแทบทุกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องความผิดพลาด