xs
xsm
sm
md
lg

โหดเกิน! เบาหวานคร่าชีวิตคนไทยวันละ 21 คน แถมทำหนุ่มๆ เซ็กซ์เสื่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนไทยป่วยเบาหวานกว่า 3 ล้านคน ตายวันละ 21 คน และจะเพิ่มอีก 2 เท่า ภายใน 26 ปีข้างหน้า เหตุมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม เสี่ยงเกิดหลอดเลือดหัวใจและสมองสูงกว่าคนทั่วไป 2-4 เท่า มากกว่าครึ่งพบความผิดปกติปลายระบบประสาทและเซ็กซ์เสื่อมในผู้ชาย แนะป้องกันด้วย 3อ.2ส.
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (25 มิ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคเรื้อรังกำลังเข้าขั้นวิกฤต และเป็นโรคที่ชาวเอเชียเป็นกันมาก โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ทั้งนี้ ในปี 2554 พบผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลก 374 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 438 ล้านคน ในอีก 20 ปีข้างหน้า ในจำนวนนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะเพิ่มจาก 58.7 ล้านคน เป็น 101 ล้านคน ในปี 2573

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย ช่วงปี 2551-2552 ความชุกของโรคเบาหวานร้อยละ 6.9 หรือประมาณ 3.5 ล้านคน ความชุกในผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย แต่มีถึง 1.1 ล้านคน ไม่ทราบว่าตนเองป่วย และไม่สามารถควบคุมได้ 1.7 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะพบผู้ป่วยถึง 4.7 ล้านคน เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 52,800 คน ทั้งนี้ ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองสูง 2-4 เท่า เมื่อเทียบกับคนปกติ และมากกว่าครึ่งพบความผิดปกติของปลายระบบประสาท และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย

ปี 2553 พบผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน ทั้งหมด 6,855 คน หรือวันละ 19 คน คิดเป็นอัตราตายด้วยโรคเบาหวาน เท่ากับ 10.8 ต่อแสนประชากร และมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสังกัด สธ.จำนวน 607,828 ครั้ง จากข้อมูลสถานการณ์โรคเบาหวานของไทย ภายในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2544-2553 พบว่า อัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 4 เท่า และปี 2554 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน 21 คนต่อวัน หากไม่มีการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในระยะเวลา 26 ปีข้างหน้า” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกินมาตรฐาน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากจะทำให้เลือดมีความเข้มข้นและหนืดมากขึ้น หัวใจทำงานหนักขึ้น หลอดเลือดรับแรงดันมากขึ้น ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา โรคเบาหวานมี 2 ชนิด คือ 1.ต้องพึ่งอินซูลิน ส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม การรักษาจะใช้การฉีดยาอินซูลิน เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายไปทำลายเซลล์ที่สร้างอินซูลินในส่วนของตับอ่อน และ 2.ป้องกันได้ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน จากการมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม การใช้ชีวิตประจำวันโดยขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย จึงมีโอกาสหายจากโรคเบาหวานชนิดนี้ได้โดยไม่ต้องรับประทานยาตลอดชีวิต

นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า อาการของโรคเบาหวานมีวิธีสังเกตดังนี้ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ ดื่มน้ำบ่อย หิวบ่อย กินจุ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย แผลหายช้า คันตามผิวหนัง ขาดสมาธิ อาเจียน ปวดท้อง ชาปลายมือปลายเท้า บุคคลที่เสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน ได้แก่ บุคคลอายุ 50 ปีขึ้นไป คนอ้วน/อ้วนลงพุง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีประวัติ พ่อ แม่ พี่น้องสายตรงเป็นเบาหวาน การป้องกันโรคเบาหวานต้องใช้หลัก โดยใช้หลัก 3อ. 2ส.ได้แก่ อาหาร การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และมีสัดส่วนเหมาะสม รับประทานผักและผลไม้มากขึ้น รับประทานปลาและเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หวานหรือเค็มมากเกินไป หรืออาหารฟาสต์ฟูด ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ และน้ำอัดลม

ออกกำลังกาย มีการเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน เป็นอย่างน้อย จำกัดชั่วโมงการใช้คอมพิวเตอร์และดูโทรทัศน์ของไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน เป็นต้น อารมณ์ มีการจัดการกับอารมณ์ ฝึกสมาธิ และผ่อนคลายความเครียด การเผชิญกับปัญหาและแก้ปัญหาอย่างถูกต้องเหมาะสม ยืดเส้นยืดสาย ไม่น้อยกว่า 5 นาที ฟังเพลง ทำงานอดิเรก พบปะเพื่อน จัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สดใส สร้างแรงจูงใจใน และสิ่งสำคัญคือ 2ส.ได้แก่ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา


กำลังโหลดความคิดเห็น