เอ็นจีโอหวั่นกองทุนโลกหั่นงบเอดส์ทิ้ง เตรียมหาแหล่งทุนใหม่ เล็งของบ สสส.-สปสช.ตั้งกองทุน หลัง คกก.แห่งชาติด้านเอดส์แนะทุกกระทรวงบูรณาการและหนุนงบด้านนี้ เผย 10 ปี ผู้ป่วยใหม่ลดลงแต่ยังน้อย เหตุให้ความรู้ป้องกันไม่เพียงพอ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เดิมทีกองทุนโลก (Global Fund) ได้ให้งบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณสุขสำหรับโรคเอดส์แก่เครือข่ายผู้ป่วยเอชไอวีประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนงานด้านสิทธิสุขภาพของผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง ปีละประมาณ 700 ล้านบาท แต่ปัจจุบันระยะเวลาของโครงการที่ไทยทำกับกองทุนโลกกำลังจะสิ้นสุด และจะต้องเสนอโครงการต่อ แต่มีความกังวลว่า กองทุนโลกจะให้งบประมาณแก่ประเทศที่มีรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมระดับปานกลางน้อยลงหรืออาจไม่ได้รับต่อ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศดังกล่าว หากไม่ได้รับงบประมาณก็จำเป็นต้องหาแหล่งงบประมาณจากภายในประเทศแทน
นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ซึ่งมี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกันโรคเอดส์ เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อรายใหม่ โดยในอนาคตกระทรวงต่างๆ จะต้องบูรณาการทำงานและสนับสนุนงบประมาณในด้านนี้ โดยตั้งเป็นกองทุนเพื่อทำงานด้านเอดส์ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความรู้ ส่งเสริม ป้องกันโรค แต่กองทุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นแบบมี พ.ร.บ.เป็นของตนเอง แต่เป็นกองทุนที่รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และอาจจะมีการขอสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หรือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อนำไปทำงานในด้านเอดส์ทั้งประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างแผนงาน
“แม้อัตราการติดเชื้อของผู้ป่วยรายใหม่จะลดลงจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นอัตราการลดลงที่ยังน้อย เพราะอยู่ในหลักหมื่น จำเป็นต้องทำงานเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจากการให้คำปรึกษาด้านการป้องกัน พบว่า ผู้เข้ามาขอรับคำปรึกษาเป็นคนกลุ่มใหม่แต่ยังสงสัยในเรื่องเดิมที่มีการรณรงค์มาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าการให้ความรู้ยังไม่เพียงพอ และมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์อีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาการอบรมให้ครูมีความมั่นใจในการให้ความรู้ คำแนะนำกับเด็กในเรื่องเพศศึกษา ช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้น แต่ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด ทำให้สามารถทำได้เพียงไม่ถึงครึ่งของโรงเรียนทั้งหมด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องนำโครงการไปขยายต่อ” นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เดิมทีกองทุนโลก (Global Fund) ได้ให้งบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณสุขสำหรับโรคเอดส์แก่เครือข่ายผู้ป่วยเอชไอวีประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนงานด้านสิทธิสุขภาพของผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง ปีละประมาณ 700 ล้านบาท แต่ปัจจุบันระยะเวลาของโครงการที่ไทยทำกับกองทุนโลกกำลังจะสิ้นสุด และจะต้องเสนอโครงการต่อ แต่มีความกังวลว่า กองทุนโลกจะให้งบประมาณแก่ประเทศที่มีรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมระดับปานกลางน้อยลงหรืออาจไม่ได้รับต่อ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศดังกล่าว หากไม่ได้รับงบประมาณก็จำเป็นต้องหาแหล่งงบประมาณจากภายในประเทศแทน
นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ซึ่งมี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกันโรคเอดส์ เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อรายใหม่ โดยในอนาคตกระทรวงต่างๆ จะต้องบูรณาการทำงานและสนับสนุนงบประมาณในด้านนี้ โดยตั้งเป็นกองทุนเพื่อทำงานด้านเอดส์ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความรู้ ส่งเสริม ป้องกันโรค แต่กองทุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นแบบมี พ.ร.บ.เป็นของตนเอง แต่เป็นกองทุนที่รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และอาจจะมีการขอสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หรือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อนำไปทำงานในด้านเอดส์ทั้งประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างแผนงาน
“แม้อัตราการติดเชื้อของผู้ป่วยรายใหม่จะลดลงจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นอัตราการลดลงที่ยังน้อย เพราะอยู่ในหลักหมื่น จำเป็นต้องทำงานเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจากการให้คำปรึกษาด้านการป้องกัน พบว่า ผู้เข้ามาขอรับคำปรึกษาเป็นคนกลุ่มใหม่แต่ยังสงสัยในเรื่องเดิมที่มีการรณรงค์มาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าการให้ความรู้ยังไม่เพียงพอ และมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์อีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาการอบรมให้ครูมีความมั่นใจในการให้ความรู้ คำแนะนำกับเด็กในเรื่องเพศศึกษา ช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้น แต่ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด ทำให้สามารถทำได้เพียงไม่ถึงครึ่งของโรงเรียนทั้งหมด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องนำโครงการไปขยายต่อ” นายนิมิตร์ กล่าว
