xs
xsm
sm
md
lg

พบวัยรุ่นพึ่งยาลดอ้วน 5% ยานอนหลับ 2% สธ.เร่งสร้างยุว อสม.แก้ปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วัยโจ๋ไทยน่าห่วง พึ่งยาลดอ้วน 5% ยานอนหลับเป็นประจำ 2% เริ่มสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าทั้งชายและหญิงอายุเฉลี่ย 16-17 ปี บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร 14% เร่งสร้าง ยุวอสม.แก้ไขและป้องกันปัญหา คัดเด็กมัธยมฯเพิ่มทักษะ 6 เรื่อง ช่วยสื่อสารและเป็นนักจัดการสุขภาพของเพื่อนนักเรียนและชุมชน

วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดอบรมหลักสูตรยุวอาสาสมัครสาธารณสุข (ยุว อสม.) ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 9,514 คน รวมทั้งครูสอนสุขศึกษา อนามัย และพลศึกษาจากโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จำนวน 174 แห่ง ว่า ปัญหาสุขภาพของเยาวชนไทยในยุคปัจจุบันมีความเสี่ยงเจ็บป่วยในหลายเรื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงกว่าในอดีต โดยผลสำรวจในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-29 ปี เมื่อปี 2552 พบว่า อยู่ในเกณฑ์น่าห่วงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.พฤติกรรมใช้ยาไม่ถูกต้อง พบว่าวัยรุ่นกินยาลดความอ้วนร้อยละ 5 กินยานอนหลับเป็นประจำเกือบร้อยละ 2 ทั้งที่มีและไม่มีอาการเครียดก็ตาม  2.พฤติกรรมการใช้สารเสพติด พบว่านักเรียนชายเริ่มสูบบุหรี่อายุ 16 ปี เริ่มดื่มเหล้าเมื่ออายุเฉลี่ย 16.2 ปี ส่วนนักเรียนหญิงเริ่มสูบบุหรี่อายุเฉลี่ย 16.7 ปี  เริ่มดื่มเหล้าอายุเฉลี่ย 17.8 ปี  ซึ่ง 2 เรื่องนี้จะนำไปสู่สิ่งเสพติดอื่นๆหรือพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศง่ายขึ้น
 
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า 3.พฤติกรรมการกินอาหาร พบว่า วัยรุ่นไม่กินอาหารเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุดมากถึงร้อยละ 65 และกินอาหารไม่ครบ 3 มื้อมากที่สุดถึงร้อยละ 72 ซึ่งพฤติกรรมนี้เพิ่มความเสี่ยงให้วัยรุ่นอ้วน จากการกินจุบกินจิบอาหารอื่น ผลสำรวจในปี 2551 พบนักเรียนระดับมัธยมเป็นโรคอ้วนแล้ว 1.4 ล้านคน  อีกร้อยละ 10  มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน  เมื่อเด็กกลุ่มนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าเด็กปกติ  และ 4.การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร พบว่า เกิดในวัยรุ่นมากถึง 1 ใน 10  จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขป้องกัน ปลูกฝังความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพให้ถูกต้อง
 
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ตนได้มอบนโยบายให้กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เร่งสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ โดยพัฒนาให้เป็นยุวอสม.ในโรงเรียน ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพขั้นต้นในโรงเรียนทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ คล้ายกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และจะพัฒนาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตามความสนใจของเยาวชน เช่น การป้องกันยาเสพติด การเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหาร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตต่อไป มั่นใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเยาวชนและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต เนื่องจากเยาวชนส่วนใหญ่หากมีปัญหามักจะปรึกษาเพื่อนมากกว่าผู้ปกครองและโครงการยุวอสม.นี้ จะช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของไทย เช่น เบาหวานให้บรรลุผลสำเร็จง่ายขึ้น

ด้าน น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดี สบส.กล่าวว่า หลักสูตรในการอบรมยุว อสม.นี้ เป็นหลักสูตรระยะสั้น 1 วัน โดยอบรมให้มีทักษะและความฉลาดทางสุขภาพ รู้เท่าทัน 6 เรื่องได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างปลอดภัย เช่น เครื่องสำอาง ยาลดความอ้วน 2.ยาเสพติด  3.อาหาร 4.สุขภาพจิต 5.การปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน และ 6.การสื่อสารสุขภาพ เพื่อให้ยุว อสม.ถ่ายทอดความรู้เรื่องโรคภัยและวิธีการป้องกันต่างๆ ไปสู่ผู้อื่น หลังจากผ่านการอบรมแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรรับรอง และยุว อสม.เหล่านี้จะถือเป็นต้นแบบด้านสุขภาพของนักเรียน เป็นผู้ช่วยเหลือ จัดบริการสุขภาพร่วมกับครู อาจารย์ โดยจะเป็นนักจัดกิจกรรมสุขภาพในโรงเรียน รวมทั้งเป็นผู้เชื่อมต่อประสานความร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆในชุมชนเช่น อสม.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข  ซึ่งจะทำให้ระบบสุขภาพในโรงเรียนเข้มแข็ง และขยายผลถึงครอบครัวและชุมชนของยุว อสม.ด้วย โดยให้ครู-อาจารย์เป็นที่ปรึกษา  ยุว อสม.1 คน ดูแล 1 ห้องเรียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีแผนจะขยายอบรมรุ่นต่อไปอีกประมาณ 10,000 คน และอาจขยายผลอบรมเด็กระดับประถมศึกษาด้วย เพื่อปลูกฝังวินัยการดูแลสุขภาพให้เป็นนิสัยตั้งแต่เด็กติดตัวตลอดชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น