กก.สอบข้อเท็จจริงทุจริตครูผู้ช่วย เล็งสอบประเด็นทุจริตแบบเจาะลึก เริ่มเรียกพยานปากสำคัญให้การวันที่ 31 พ.ค.นี้ ประธาน กก.ชี้ หลักฐานสาวถึงใครมีสิทธิเสนอตั้งกรรมการสอบวินัยได้หมด มั่นใจสรุปสอบทันภายในเดือน มิ.ย.ขณะที่ “ชินภัทร” แจงตั้งวอร์รูมชั้น 4 สพฐ.ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นงานปกติเพื่อเตรียมการเอกสารข้อมูลชี้แจงเท่านั้น
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว 12 ว่า หลังจากที่คณะกรรมการ ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ในความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้ราชการเกิดความเสียหายแล้วนั้น คณะกรรมการกำลังสอบสวนข้าราชการที่เหลืออีก 3 ราย ได้แก่ นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขานุการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีต ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (กพร.) สพฐ.
“จะมีการเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพิ่มอีกหลายราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.นี้จะเรียกพยานปากสำคัญที่รู้เรื่องราวทั้งหมดมาสอบปากคำ จากนั้นวันที่ 3 มิ.ย. 2 ราย วันที่ 5 มิ.ย. 2 ราย และวันที่ 11 มิ.ย. 1 ราย เมื่อสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้วจะพิจารณาดูว่าจะต้องเรียกผู้บริหารทั้ง 3 คนมาสอบปากคำอีกหรือไม่ ถ้าพยานต่างๆ ให้ปากคำไว้อย่างชัดเจนครอบคลุมทุกเรื่อง อาจจะไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าตัวมาสอบปากคำเพิ่มอีก สามารถสรุปการสอบสวนได้เลยโดยดูจากบันทึกการสอบปากคำพยานทั้งหมด และนำคำสั่งที่เลขาธิการ กพฐ.มอบหมายความรับผิดชอบในการจัดสอบครูผู้ช่วย และคำสั่งในทางปกครองมาพิจารณาว่า ทั้ง 3 คนเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่” ปลัด ศธ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งให้มุ่งประเด็นการสอบสวนไปที่เรื่องทุจริตควบคู่กันด้วย เพราะฉะนั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงมีหน้าที่อีกอย่างคือสอบสวนหาว่าใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบครูผู้ช่วย โดยการสอบสวนประเด็นทุจริตนี้จะขอข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มาพิจารณาร่วมกับการจะสอบสวนอย่างลงลึกจของกรรมการเอง ทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อม การสอบโรงพิมพ์ด้วย
นางพนิตา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนชี้มูลว่ามีใครร่วมทุจริตบ้าง คณะกรรมการจะสรุปผลเสนอ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงบุคคลเหล่านั้น ซึ่งกรรมการมีอำนาจเสนอตั้งกรรมการสอบวินัยบุคคลอื่นๆ ด้วย ไม่จำเป็นต้องจำกัดวงเฉพาะข้าราชการที่ถูกสอบในประเด็นละเลยการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 4 ราย ส่วน 4 รายนี้ รวมถึงนายชินภัทร นั้น ถ้าผลการสอบสวนชี้มูลว่า ร่วมทุจริตด้วย ก็จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยพร้อมกัน 2 คดี ทั้งนี้ คณะกรรมการจะเร่งสอบสวน เพื่อสรุปผลการสอบสวนในประเด็นละเลยการปฏิบัติหน้าให้ได้ภายในต้นเดือนมิ.ย.ส่วนประเด็นทุจริตนั้น มั่นใจว่า สามารถสรุปการสอบได้ภายในเดือน มิ.ย.เช่นกัน
ด้าน นายชินภัทร กล่าวถึงกรณีที่ รมช.ศึกษาธิการ ระบุว่ามีการตั้งวอร์รูมเตรียมข้อมูลต่อสู้อยู่ที่อาคาร สพฐ.ชั้น 4 เพื่อต่อสู้ในการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ว่า ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นงานปกติที่ต้องมีการรวบรวมเอกสารและข้อมูลที่ต้องใช้ในการชี้แจงเรื่องนี้ รวมทั้งการชี้แจงหน่วยงานที่สอบถามมา อย่างในสัปดาห์หน้าก็ต้องมีการชี้แจงคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎรที่ได้สอบถามประเด็นครูผู้ช่วยมา 3-4 ข้อเท่านั้นเอง
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว 12 ว่า หลังจากที่คณะกรรมการ ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ในความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้ราชการเกิดความเสียหายแล้วนั้น คณะกรรมการกำลังสอบสวนข้าราชการที่เหลืออีก 3 ราย ได้แก่ นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขานุการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีต ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (กพร.) สพฐ.
“จะมีการเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพิ่มอีกหลายราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.นี้จะเรียกพยานปากสำคัญที่รู้เรื่องราวทั้งหมดมาสอบปากคำ จากนั้นวันที่ 3 มิ.ย. 2 ราย วันที่ 5 มิ.ย. 2 ราย และวันที่ 11 มิ.ย. 1 ราย เมื่อสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้วจะพิจารณาดูว่าจะต้องเรียกผู้บริหารทั้ง 3 คนมาสอบปากคำอีกหรือไม่ ถ้าพยานต่างๆ ให้ปากคำไว้อย่างชัดเจนครอบคลุมทุกเรื่อง อาจจะไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าตัวมาสอบปากคำเพิ่มอีก สามารถสรุปการสอบสวนได้เลยโดยดูจากบันทึกการสอบปากคำพยานทั้งหมด และนำคำสั่งที่เลขาธิการ กพฐ.มอบหมายความรับผิดชอบในการจัดสอบครูผู้ช่วย และคำสั่งในทางปกครองมาพิจารณาว่า ทั้ง 3 คนเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่” ปลัด ศธ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งให้มุ่งประเด็นการสอบสวนไปที่เรื่องทุจริตควบคู่กันด้วย เพราะฉะนั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงมีหน้าที่อีกอย่างคือสอบสวนหาว่าใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบครูผู้ช่วย โดยการสอบสวนประเด็นทุจริตนี้จะขอข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มาพิจารณาร่วมกับการจะสอบสวนอย่างลงลึกจของกรรมการเอง ทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อม การสอบโรงพิมพ์ด้วย
นางพนิตา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนชี้มูลว่ามีใครร่วมทุจริตบ้าง คณะกรรมการจะสรุปผลเสนอ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงบุคคลเหล่านั้น ซึ่งกรรมการมีอำนาจเสนอตั้งกรรมการสอบวินัยบุคคลอื่นๆ ด้วย ไม่จำเป็นต้องจำกัดวงเฉพาะข้าราชการที่ถูกสอบในประเด็นละเลยการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 4 ราย ส่วน 4 รายนี้ รวมถึงนายชินภัทร นั้น ถ้าผลการสอบสวนชี้มูลว่า ร่วมทุจริตด้วย ก็จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยพร้อมกัน 2 คดี ทั้งนี้ คณะกรรมการจะเร่งสอบสวน เพื่อสรุปผลการสอบสวนในประเด็นละเลยการปฏิบัติหน้าให้ได้ภายในต้นเดือนมิ.ย.ส่วนประเด็นทุจริตนั้น มั่นใจว่า สามารถสรุปการสอบได้ภายในเดือน มิ.ย.เช่นกัน
ด้าน นายชินภัทร กล่าวถึงกรณีที่ รมช.ศึกษาธิการ ระบุว่ามีการตั้งวอร์รูมเตรียมข้อมูลต่อสู้อยู่ที่อาคาร สพฐ.ชั้น 4 เพื่อต่อสู้ในการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ว่า ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นงานปกติที่ต้องมีการรวบรวมเอกสารและข้อมูลที่ต้องใช้ในการชี้แจงเรื่องนี้ รวมทั้งการชี้แจงหน่วยงานที่สอบถามมา อย่างในสัปดาห์หน้าก็ต้องมีการชี้แจงคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎรที่ได้สอบถามประเด็นครูผู้ช่วยมา 3-4 ข้อเท่านั้นเอง
