xs
xsm
sm
md
lg

“ชินภัทร” พ้ออย่าดึงเกี่ยวทุจริตครูผู้ช่วย “พงศ์เทพ” ยันฟันแน่ใครเอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ชินภัทร” ข้องใจ “เสริมศักดิ์” จะให้ย้ายผู้บริหาร สพฐ.เพื่อเปิดทางสอบสวนทุจริตสอบครูผู้ช่วย พ้อที่ผ่านมาเปิดทางให้สอบสวนทุกอย่างยังจะมาย้ายอีก ระบุ ไม่ควรเหมาทุกอย่างให้ผู้บริหารสูงสุดรับผิดชอบ ชี้องค์กรมีการกระจายอำนาจ ความรับผิดชอบตามลำดับชั้น จะยกทุกอย่างให้เลขาฯไม่ได้ ขณะ “พงศ์เทพ” ยัน ศธ.ตรวจสอบตรงไปตรงมา พบใครผิดฟันทั้งวินัยและอาญา

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ออกมาระบุว่า ดีเอสไอวิเคราะห์มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว.12 ว่า การตัดสินใดๆ นั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริงและมีข้อมูลที่ชัดเจนรองรับ ซึ่งตรงนี้เป็นวัฒนธรรมในการทำงานที่ควรยึดถือเพื่อให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานได้รับการคุ้มครองดูแล ให้คนที่มีอุดมการณ์สามารถทำงานต่อได้ แต่หากเราไปตัดสินใจแบบเร่งด่วน ใช้กระแสเป็นตัวตัดสินแล้ว จะส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมในการทำงานที่ไม่พึงประสงค์ ข้าราชการจะไม่ทำงานตามอุดมการณ์ แต่จะทำเพื่อเอาตัวรอด เพราะฉะนั้น การพูดลอยๆ นั้น ก็เป็นแค่ข้อมูลระดับหนึ่ง แต่ควรจะมีหลักฐาน ข้อมูลยืนยันที่ร้อยเรียงไปด้วยกัน และต้องเชื่อมโยงกับหลักยุติธรรมด้วย จึงจะน่าเชื่อถือ
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ส่วนที่นายเสริมศักดิ์ ระบุจะโยกผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กับการสอนสวนนั้น นายชินภัทร กล่าวว่า ที่ผ่านมา สพฐ.ไม่เคยทำตัวเป็นอุปสรรคต่อการตรวจสอบเรื่องนี้ ให้การสนับสนุนทุกประการ ขอข้อมูลอะไรมาก็ให้ทุกอย่าง และไม่เคยชี้นำเจ้าหน้าที่ของตัวเองเลย ทั้งนี้ หากจะมีการสรุปว่า ตนซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ สพฐ.ต้องรับผิดชอบต่อการทุจริตครั้งนี้ด้วย เพราะถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดนั้น ตนอยากให้พิจารณากลไกในการทำงานของหน่วยงานขนาดใหญ่อย่าง สพฐ.ซึ่งมีเขตพื้นที่การศึกษาในการดูแล 225 เขต มีโรงเรียนในสังกัดกว่า 30,000 โรง เพราะฉะนั้น การทำงานจึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นลำดับชั้น มีการกระจายอำนาจกันเป็นลำดับชั้น

ไม่มีมนุษย์คนใดที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรขนาดใหญ่ จะสามารถเนรมิตควบคุมพฤติกรรมคนในองค์กรได้ทั้งหมด อีกทั้งก็มีการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบไปตามลำดับชั้นแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าผลการสอบสวนออกมา ก็ควรจะดูข้อมูลและพิจารณาไปตามความรับผิดชอบของแต่ละคน ไม่ใช่อะไรก็มาเหมาให้เป็นความบกพร่องของผู้บริหาร ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า จะมองในลักษณะใด ” นายชินภัทร กล่าว

ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า โดยกระบวนการในส่วนของผลการสอบสวน ตนได้มอบหมายให้ทาง ก.ค.ศ.ดูเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ว่าเราสามารถที่สั่งการตามข้อกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เข้าสอบเหล่านี้ได้อย่างไร โดยหลักการคือ ถ้าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต ก็ไม่ควรจะได้รับการบรรจุ แต่ถ้าถูกบรรจุไปแล้วก็ไม่ควรใช้ในสิ่งที่ได้มาโดยมิชอบ ในการดำรงตำแหน่งต่อไป แต่จะต้องไม่กระทบต่อผู้ที่สอบได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ขณะเดียวกันในส่วนของดีเอสไอที่ระบุว่ามีผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ต้องดูว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการอย่างไร โดยทาง ศธ.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว แต่ถ้าพบว่ามีหลักฐานที่ส่อว่าเป็นไปในทิศทางของการทำผิดวินัย ก็มีกระบวนการที่ ศธ.จะดำเนินการต่อไป โดยจะต้องรอดูข้อมูลจากทางดีเอสไอก่อน ว่าข้อมูลแน่นหนาขนาดไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศธ.ดำเนินการอย่างตรงไป ตรงมาถ้าพบว่าใครเข้ามีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการอย่างเต็มที่ทั้งทางวินัยและอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น