“เสริมศักดิ์” ปูดผลสอบดีเอสไอวิเคราะห์ ผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ.2 รายมีเอี่ยวทุจริตครูผู้ช่วย ลั่นหากผลสอบดีเอสไอชี้ใครเกี่ยวข้อง พร้อมตั้งกรรมการสอบและโยกช่วยราชการสำนักนายกฯ ทันทีไม่สนว่าอยู่ในตำแหน่งใด เตรียมขยายวงสอบผู้ที่ได้คะแนน 80 ขึ้นไปด้วย
วันนี้ (18 มี.ค.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยังไม่ได้ส่งข้อมูลผลการสอบสวนทุจริตสอบคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาให้เข้าสู่ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 มายัง ศธ.ในวันนี้ตามที่ตกลงไว้ เพราะดีเอสไอต้องการเสนอผลสอบให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี พิจารณาก่อน คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) ดีเอสไอจะส่งข้อมูลมาให้ตน ทั้งนี้ การจะยกเลิกการสอบในเขตพื้นที่การศึกษาใดหรือไม่นั้นจะนำหารือในการประชุมคณะ กรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) วันที่ 22 มี.ค.นี้ โดยเฉพาะกรณีของผู้ผ่านการคัดเลือกที่คะแนนสูงผิดปกติ 514 รายนั้นจะต้องเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาตัดสินโดยจะนำข้อมูลของดีเอสไอมาประกอบการพิจารณา ซึ่งตนและนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ยึดหลักกฎหมายด้วยความเที่ยงธรรมและไม่กลั่นแกล้ง ฉะนั้นคนที่ทำผิดจะต้องได้รับการพิจารณาด้วยความถูกต้องเที่ยงธรรม ส่วนคนที่ไม่ผิดถือเป็นผู้บริสุทธิ์จะการจะยกเลิกกลุ่มนี้ไม่ทำแน่นอน แต่ตอนนี้การจะพิสูจน์ว่าใครเกี่ยวข้องหรือไม่กับการทุจริตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยการสืบสวนในเบื้องต้นและสอบสวนตามมา
“ทางดีเอสไอได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ สพป.ขอนแก่น เขต 3 สพป.ยโสธร เขต 1 และ สพป.อุดรธานี เขต 1 ก็ได้ข้อสรุปมาว่ามีการทุจริตจริงแต่การจะยกเลิกผลการสอบ ต้องมาดูก่อนซึ่งผมได้ให้ ก.ค.ศ.ช่วยดูว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการสอบ สมมติว่าเขตพื้นที่การศึกษาหนึ่งมีอัตราสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่ผ่านมา 5 คน และมีการทุจริตการสอบ 3 คนถามว่าจะต้องยกเลิกผลการสอบ 3 คน ส่วนอีก 2 คนที่เหลือที่ไม่ผิดจะทำอย่างไร หรือจะสามารถเลื่อนผู้ที่สอบได้ในลำดับถัดไป ขึ้นมาแทนที่ยกเลิกได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบทุจริตในขั้นตอนนี้ ตรวจสอบเฉพาะกรณี 514 รายที่มีคะแนนสูงผิดปกติขั้นตอน แต่ต่อไปอาจจะต้องมีการตรวจสอบกลุ่มที่ได้คะแนน ตั้งแต่ร้อยละ 90 ลงมาถึงร้อยละ 80 อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มเหล่านี้อาจจะมีการทุจริตด้วยก็ได้” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอได้วิเคราะห์ว่าน่าจะมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 2 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ซึ่งถ้าผลสอบของดีเอสไอชี้ชัดมาว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้บ้าง ศธ.ก็จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และต้องให้เจ้าตัวออกจากตำแหน่งเดิมด้วยไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงมากก็สามารถให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยเป็นการช่วยราชการชั่วคราวแต่ตำแหน่งยังอยู่ที่เดิม ซึ่งการจะสั่งช่วยราชการผู้บริหารระดับสูงเป็นอำนาจของ ศธ.ทำได้เองโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ การให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่งระหว่างการสอบสวนนั้นมีความจำเป็นอย่างมากเพื่อให้ผลการสอบสวนออกมาโปร่งใส
วันนี้ (18 มี.ค.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยังไม่ได้ส่งข้อมูลผลการสอบสวนทุจริตสอบคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาให้เข้าสู่ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 มายัง ศธ.ในวันนี้ตามที่ตกลงไว้ เพราะดีเอสไอต้องการเสนอผลสอบให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี พิจารณาก่อน คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) ดีเอสไอจะส่งข้อมูลมาให้ตน ทั้งนี้ การจะยกเลิกการสอบในเขตพื้นที่การศึกษาใดหรือไม่นั้นจะนำหารือในการประชุมคณะ กรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) วันที่ 22 มี.ค.นี้ โดยเฉพาะกรณีของผู้ผ่านการคัดเลือกที่คะแนนสูงผิดปกติ 514 รายนั้นจะต้องเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาตัดสินโดยจะนำข้อมูลของดีเอสไอมาประกอบการพิจารณา ซึ่งตนและนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ยึดหลักกฎหมายด้วยความเที่ยงธรรมและไม่กลั่นแกล้ง ฉะนั้นคนที่ทำผิดจะต้องได้รับการพิจารณาด้วยความถูกต้องเที่ยงธรรม ส่วนคนที่ไม่ผิดถือเป็นผู้บริสุทธิ์จะการจะยกเลิกกลุ่มนี้ไม่ทำแน่นอน แต่ตอนนี้การจะพิสูจน์ว่าใครเกี่ยวข้องหรือไม่กับการทุจริตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยการสืบสวนในเบื้องต้นและสอบสวนตามมา
“ทางดีเอสไอได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ สพป.ขอนแก่น เขต 3 สพป.ยโสธร เขต 1 และ สพป.อุดรธานี เขต 1 ก็ได้ข้อสรุปมาว่ามีการทุจริตจริงแต่การจะยกเลิกผลการสอบ ต้องมาดูก่อนซึ่งผมได้ให้ ก.ค.ศ.ช่วยดูว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการสอบ สมมติว่าเขตพื้นที่การศึกษาหนึ่งมีอัตราสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่ผ่านมา 5 คน และมีการทุจริตการสอบ 3 คนถามว่าจะต้องยกเลิกผลการสอบ 3 คน ส่วนอีก 2 คนที่เหลือที่ไม่ผิดจะทำอย่างไร หรือจะสามารถเลื่อนผู้ที่สอบได้ในลำดับถัดไป ขึ้นมาแทนที่ยกเลิกได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบทุจริตในขั้นตอนนี้ ตรวจสอบเฉพาะกรณี 514 รายที่มีคะแนนสูงผิดปกติขั้นตอน แต่ต่อไปอาจจะต้องมีการตรวจสอบกลุ่มที่ได้คะแนน ตั้งแต่ร้อยละ 90 ลงมาถึงร้อยละ 80 อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มเหล่านี้อาจจะมีการทุจริตด้วยก็ได้” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอได้วิเคราะห์ว่าน่าจะมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 2 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ซึ่งถ้าผลสอบของดีเอสไอชี้ชัดมาว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้บ้าง ศธ.ก็จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และต้องให้เจ้าตัวออกจากตำแหน่งเดิมด้วยไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงมากก็สามารถให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยเป็นการช่วยราชการชั่วคราวแต่ตำแหน่งยังอยู่ที่เดิม ซึ่งการจะสั่งช่วยราชการผู้บริหารระดับสูงเป็นอำนาจของ ศธ.ทำได้เองโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ การให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่งระหว่างการสอบสวนนั้นมีความจำเป็นอย่างมากเพื่อให้ผลการสอบสวนออกมาโปร่งใส