ชมรมแพทย์ชนบทยื่นผู้ตรวจฯ สอบ สธ.ออกระเบียบ P4P ชี้ไม่เป็นธรรม พร้อมร้องให้สอบโครงการซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดให้ อสม.ด้วย ส่อทุจริต ด้าน "หมอประดิษฐ" ไม่แคร์ บอกฟ้องได้ตามสิทธิที่มี
วันนี้ (9 พ.ค.) กลุ่มชมรมแพทย์ชนบทจำนวน 20 คน นำโดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกุลเกียรติ ประธานชมรมฯ ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขอให้ตรวจสอบ กรณี นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ใช้อำนาจในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานบริการในสังกัด สธ.ตามนโยบายศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ (เมดิคัล ฮับ) ซึ่งทางชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่าการออกระเบียบดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และไม่เป็นธรรมต่อบุคลากรในโรงพยาบาลชุมชน และประชาชนในชนบท
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า แม้ สธ.จะมีอำนาจในการออกระเบียบฯดังกล่าว เพื่อผลักดันนโยบายศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ก็ตาม แต่ก็ก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่เป็นธรรม ต่อบุคลากรในโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุรกันดาร ที่ถูกปรับลดค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย แต่กลับไปเพิ่มค่าตอบแทนให้กับบุคลากรในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ที่ไม่ใช่พื้นที่ทุรกันดาร ทำให้ประชาชนในชนบท ก็จะได้รับความเสียหายนี้ด้วย สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างเขตเมืองและชนบทมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้บุคลากรทางการแพทย์เสียขวัญกำลังใจ โดยจะทำให้แพทย์ลาออกมายิ่งขึ้นและความต้องการที่จะอาสาไปปฏิบัติหน้าที่ในชนบทก็จะลดน้อยลง ทางชมรมแพทย์ชนบท จึงขอร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือผู้เกี่ยวข้อง แก้ไขปรับปรุง ยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งชะลอนโยบาย เมดิคัล ฮับ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศและเกิดภาวะขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ทุรกันดาร
“ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบ สธ.กรณีสั่งซื้อเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบพกพา จำนวน 81,685 เครื่อง เพื่อแจกให้โครงการส่งเสริมศักยภาพ อสม.ทั่วประเทศ เป็นจำนวนเงิน 147,033,000 ล้านบาท ว่ามีการทุจริตหรือไม่ หลังจากที่ สธ.โอนเงินงบประมาณและสั่งการให้จังหวัดต่างๆ จัดซื้อเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบพกพา แจกให้ อสม.ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับอนุญาตให้ อสม.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ที่จะไปเจาะเลือดจากปลายนิ้วของผู้อื่นเพื่อวัดระดับน้ำตาลได้” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวและว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ได้มีการจัดซื้อเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ใช้วิธีการซื้อแถบตรวจวัดระดับน้ำตาล จากบริษัทจัดจำหน่าย โดยทางบริษัทจะแถมเครื่องวัดระดับฯโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ ซึ่งหากมีการจัดซื้อในลักษณะนี้จะทำให้ยากต่อการตรวจสอบและเกิดการโก่งราคาได้ ทำให้การจัดซื้อเครื่องดังกล่าว แพงกว่าราคาท้องตลาด
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า กลุ่มแพทย์ชนบทมีสิทธิที่จะไปยื่นหนังสือถึงดีเอสไอให้ตรวจสอบการทำงานของใครก็ได้ถ้ามีหลักฐาน สำหรับที่ยื่นให้ตรวจตรวจสอบตนนั้น และถ้าทางดีเอสไอเห็นว่าตนมีมูลความผิดก็จะทำการตรวจสอบตนซึ่งในดังกล่าวตนก็พร้อมให้ตรวจสอบเพราะตนไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่โรงพยาบาลทั้ง 21 แห่งที่ได้รับการยกระดับจากโรงพยาบาลชุมชนเป็นโรงพยาบาลทั่วไปไม่ยอมรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวและขอคงสภาพเป็นโรงพยาบาลชุมชน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการหารือกันมาหลายปีแล้วและมีคณะกรรมการที่ร่วมกันหารือมาโดยตลอด ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมีหลายโรงพยาบาลมาเร่งให้ทำการยกระดับจากรพช.เป็นรพท.ให้เร็วขึ้นและก็พร้อมที่จะยกเป็นโรงพยาบาลทั่วไปส่วนกลุ่มแพทย์ที่มีอายุงาน 21 ปี ขึ้นไปและไม่พอใจการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินนั้นทางกระทรวงพร้อมที่จะฟังคำอุทธรณ์จากทุกฝ่าย
