“พงศ์เทพ” สั่งยุบ ร.ร.ขนาดเล็กเด็กน้อยไร้คุณภาพ ชี้หากมี ร.ร.ใกล้เคียงคุณภาพดีให้โอนย้ายเด็กและยุบที่เดิมทิ้งทันที ขณะที่ ร.ร.เดิมที่ยังอยู่ให้ปรับรูปแบบบริหารงานใหม่ ย้ำ สพฐ.มีแนวทางรองรับการดูแลเด็ก พร้อมแนะ ผอ.สพท.ให้ทำความเข้าใจชุมชนถึงเหตุจำเป็นเพื่อลดการต่อต้าน
วันนี้ (8 พ.ค.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศเพื่อรับฟังนโยบายเตรียมความพร้อมรับเปิดภาคเรียน 2556 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษานำไปดำเนินการ ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กแห่งใดอยู่ในข่ายไม่จำเป็นต้องคงอยู่ก็ให้ยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กแห่งนั้น โดยโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในข่ายควรยุบรวมนั้นจะเป็นโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยมาก เป็นโรงเรียนที่ด้อยคุณภาพ และมีโรงเรียนใกล้เคียงที่มีคุณภาพรองรับ ทั้งนี้ การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่งจำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจกับชุมชนเพื่อลดการต่อต้านด้วย ซึ่งต้องชี้แจงให้ชุมชนเข้าใจว่ารัฐบาลไม่มีกำลังและงบประมาณจะพัฒนาโรงเรียนทุกแห่งและไม่สามารถนำงบประมาณจากเงินภาษีมาดูแลทุกโรงเรียนได้เท่าเทียมกันแม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว
“โรงเรียนขนาดเล็กบางแห่ง อย่างที่ จ.สมุทรสาครมีนักเรียนแค่ประมาณ 20 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น ถามว่าอย่างนี้จะเปิดไว้ทำไม คุณภาพก็ไม่ได้ ขณะที่โรงเรียนข้างเคียงที่มีคุณภาพก็อยู่ห่างไม่ถึง 1 กิโลเมตร ถ้ายุบโรงเรียนแล้วย้ายเด็กไปเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพมากกว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวนักเรียนเองและเป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาในภาพรวม ซึ่งแม้แต่ในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกายังมีการปิดโรงเรียนขนาดเล็กแม้แต่ในเมืองหลวงอย่างกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.อยู่บ่อยครั้งถ้าเห็นว่าโรงเรียนในย่านใดไม่มีประโยชน์จะคงไว้ แม้มีนักเรียน 60 คน หรือโรงเรียนขนาด 300 คนยังถูกปิด” นายพงศ์เทพกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อนักเรียน เพราะ สพฐ.ได้จัดระบบรับส่งนักเรียนไว้รองรับแล้ว โดยได้เตรียมงบประมาณไว้จัดซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน 1,000 คัน แต่ในบางพื้นที่ตนเห็นว่าอาจให้เอกชนเข้าประมูลรับไปบริหารจัดการแทน จะช่วยประหยัดงบประมาณรัฐได้มาก หรือในกรณีที่เด็กย้ายไปโรงเรียนใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก อาจจะจัดงบประมาณจัดซื้อจักรยานให้เด็ก จะเป็นวิธีที่ประหยัดกว่าการจัดรถรับส่งเสียอีก ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังคงอยู่นั้นจะต้องมีการบริหารจัดการใหม่ ใช้วิธีรวมกลุ่มกันจัดการเรียนการสอน นำครูและทรัพยากรที่แต่ละโรงเรียนมีอยู่มาใช้ร่วมกันเพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพขึ้น
ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า โรงเรียนขนาดเล็กที่ สพฐ.ตั้งเป้ายุบรวมนั้นจะเป็น โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 60 คน ซึ่งก็ต้องไปสำรวจว่าโรงเรียนที่อยู่ในข่ายจะยุบได้ทันทีนั้นมีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 120 คน มีทั้งหมด 14,816 โรงน้อยกว่า 60 คน มีทั้งหมด 8,962 โรง แยกเป็น ร.ร.ขนาดไม่เกิน 20 คน จำนวน 709 โรง ,จำนวนนร. 21-40 คน จำนวน 2,090 โรง , จำนวนนักเรียน 41-60 คน จำนวน 3,163 โรง
วันนี้ (8 พ.ค.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศเพื่อรับฟังนโยบายเตรียมความพร้อมรับเปิดภาคเรียน 2556 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษานำไปดำเนินการ ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กแห่งใดอยู่ในข่ายไม่จำเป็นต้องคงอยู่ก็ให้ยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กแห่งนั้น โดยโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในข่ายควรยุบรวมนั้นจะเป็นโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยมาก เป็นโรงเรียนที่ด้อยคุณภาพ และมีโรงเรียนใกล้เคียงที่มีคุณภาพรองรับ ทั้งนี้ การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่งจำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจกับชุมชนเพื่อลดการต่อต้านด้วย ซึ่งต้องชี้แจงให้ชุมชนเข้าใจว่ารัฐบาลไม่มีกำลังและงบประมาณจะพัฒนาโรงเรียนทุกแห่งและไม่สามารถนำงบประมาณจากเงินภาษีมาดูแลทุกโรงเรียนได้เท่าเทียมกันแม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว
“โรงเรียนขนาดเล็กบางแห่ง อย่างที่ จ.สมุทรสาครมีนักเรียนแค่ประมาณ 20 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น ถามว่าอย่างนี้จะเปิดไว้ทำไม คุณภาพก็ไม่ได้ ขณะที่โรงเรียนข้างเคียงที่มีคุณภาพก็อยู่ห่างไม่ถึง 1 กิโลเมตร ถ้ายุบโรงเรียนแล้วย้ายเด็กไปเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพมากกว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวนักเรียนเองและเป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาในภาพรวม ซึ่งแม้แต่ในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกายังมีการปิดโรงเรียนขนาดเล็กแม้แต่ในเมืองหลวงอย่างกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.อยู่บ่อยครั้งถ้าเห็นว่าโรงเรียนในย่านใดไม่มีประโยชน์จะคงไว้ แม้มีนักเรียน 60 คน หรือโรงเรียนขนาด 300 คนยังถูกปิด” นายพงศ์เทพกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อนักเรียน เพราะ สพฐ.ได้จัดระบบรับส่งนักเรียนไว้รองรับแล้ว โดยได้เตรียมงบประมาณไว้จัดซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน 1,000 คัน แต่ในบางพื้นที่ตนเห็นว่าอาจให้เอกชนเข้าประมูลรับไปบริหารจัดการแทน จะช่วยประหยัดงบประมาณรัฐได้มาก หรือในกรณีที่เด็กย้ายไปโรงเรียนใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก อาจจะจัดงบประมาณจัดซื้อจักรยานให้เด็ก จะเป็นวิธีที่ประหยัดกว่าการจัดรถรับส่งเสียอีก ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังคงอยู่นั้นจะต้องมีการบริหารจัดการใหม่ ใช้วิธีรวมกลุ่มกันจัดการเรียนการสอน นำครูและทรัพยากรที่แต่ละโรงเรียนมีอยู่มาใช้ร่วมกันเพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพขึ้น
ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า โรงเรียนขนาดเล็กที่ สพฐ.ตั้งเป้ายุบรวมนั้นจะเป็น โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 60 คน ซึ่งก็ต้องไปสำรวจว่าโรงเรียนที่อยู่ในข่ายจะยุบได้ทันทีนั้นมีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 120 คน มีทั้งหมด 14,816 โรงน้อยกว่า 60 คน มีทั้งหมด 8,962 โรง แยกเป็น ร.ร.ขนาดไม่เกิน 20 คน จำนวน 709 โรง ,จำนวนนร. 21-40 คน จำนวน 2,090 โรง , จำนวนนักเรียน 41-60 คน จำนวน 3,163 โรง