เลื่อนอีอ๊อกชันแท็บเล็ต ป.1-ม.1 ออกไป 1 ด. เหตุปรับแก้ไขทีโออาร์ในเรื่องศูนย์ซ่อม และแบตเตอรี่ ตามข้อทักถ้วง ขณะที่ ครม.ยังไม่เอาด้วยกับ ศธ.แจกแท็บเล็ต ม.ปลาย-ปวช.ชี้เด็กโตควรใช้เครื่องสมรรถนะสูงตอบสนองการใช้งานดีกว่าแท็บเล็ต ด้าน สพฐ.-สอศ.-สช.เตรียมเสนอขอปรับงบ มาทำงานส่วนอื่น ทั้งการจัดซื้อรถตู้รับ-ส่งเด็ก ของ ร.ร.ขนาดเล็ก, พัฒนาอาชีวะอำเภอ รวมทั้งจ่ายเงินเดือนครูเอกชน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนทราบว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอให้จัดตั้งงบประมาณจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ต เพื่อแจกให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในปีการศึกษา 2557 อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.มีมติให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าประสิทธิภาพของเครื่องแท็บเล็ตอาจจะทำงานได้ระดับหนึ่ง และเห็นว่านักเรียนในระดับ ม.ปลายจะต้องมีการทำงานที่เป็นชิ้นงาน มีการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น เพราะฉะนั้นเครื่องของนักเรียนในระดับ ม.ปลายจะต้องเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูงกว่าแท็บเล็ต และสามารถทำงานเอกสาร งานพิมพ์ งานฐานข้อมูล รวมถึงงานออกแบบต่างๆ ได้ ซึ่งมีผู้ให้ความเห็นในที่ประชุมด้วยว่าอาจจะต้องเป็นโน้ตบุ๊กแทนหรือไม่ เพราะสามารถทำงานต่างๆ เหล่านี้ได้แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังเป็นเรื่องของอนาคต
“สพฐ.ได้จัดตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ม.4 ไว้ 2,700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อ ครม.มีมติให้ชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อน ทาง สพฐ.ก็จะเสนอขอปรับงบส่วนนี้ไปใช้ในรายการอื่นแทน โดยหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องการเตรียมการเพื่อรองรับการปฏิรูปหลักสูตร เพราะต้องมีการขับเคลื่อนทั้งในแง่ของการพัฒนาบุคลากรและสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ทั้งการจัดซื้อรถตู้เพื่อเป็นพาหนะสำหรับรับ-ส่งนักเรียน อีกทั้งจะนำไปใช้ในการก่อสร้างซ่อมแซม และจัดซื้อครุภัณฑ์ด้วย” นายชินภัทร กล่าว
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สอศ.ได้จัดตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ปวช.ปี 1 จำนวน 1,200 ล้านบาท ซึ่ง สอศ.จะเสนอขอปรับงบในส่วนนี้ไปใช้ในการดำเนินโครงการทวิภาคี และการจัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาประจำอำเภอ
ขณะที่ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า สำหรับ สช.นั้นได้เสนอของบจัดซื้อไปจำนวนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจากนี้ สช.จะทำเรื่องเสนอขอปรับงบดังกล่าวเพื่อนำไปจ่ายเงินเดือนครูเอกชน จำนวน 15,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ขณะนี้ยังจ่ายอยู่ไม่ครบ โดยล่าสุดเพิ่งได้รับอนุมัติงบจากสำนักงบประมาณมาเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น จากที่ขอไป 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า สช.ได้ยื่นเรื่องเสนอเพื่อขออนุมัติงบประมาณไปยัง ครม.แต่ยังไม่มีการพิจารณา
รายงานข่าวจากคณะกรรมการ บริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียน เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการประมูลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีอ๊อกชันแท็บเล็ตสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีการเลื่อนออกไปอย่างน้อยหนึ่งเดือนจากกำหนดเดิม 10 พ.ค. เป็น 10 มิ.ย.เนื่องจากมีการปรับแก้ทีโออาร์ภายหลังการประชาพิจารณ์ในสองประเด็น คือ บริษัทประมูลไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ซ่อมบำรุงหลังการขายที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 และแบตเตอรี่แท็บเล็ตชั้นม.1 เพิ่มจาก 3,600 มิลลิแอม เป็นไม่ต่ำกว่า 4,000 มิลลิแอม
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนทราบว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอให้จัดตั้งงบประมาณจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ต เพื่อแจกให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในปีการศึกษา 2557 อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.มีมติให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าประสิทธิภาพของเครื่องแท็บเล็ตอาจจะทำงานได้ระดับหนึ่ง และเห็นว่านักเรียนในระดับ ม.ปลายจะต้องมีการทำงานที่เป็นชิ้นงาน มีการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น เพราะฉะนั้นเครื่องของนักเรียนในระดับ ม.ปลายจะต้องเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูงกว่าแท็บเล็ต และสามารถทำงานเอกสาร งานพิมพ์ งานฐานข้อมูล รวมถึงงานออกแบบต่างๆ ได้ ซึ่งมีผู้ให้ความเห็นในที่ประชุมด้วยว่าอาจจะต้องเป็นโน้ตบุ๊กแทนหรือไม่ เพราะสามารถทำงานต่างๆ เหล่านี้ได้แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังเป็นเรื่องของอนาคต
“สพฐ.ได้จัดตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ม.4 ไว้ 2,700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อ ครม.มีมติให้ชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อน ทาง สพฐ.ก็จะเสนอขอปรับงบส่วนนี้ไปใช้ในรายการอื่นแทน โดยหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องการเตรียมการเพื่อรองรับการปฏิรูปหลักสูตร เพราะต้องมีการขับเคลื่อนทั้งในแง่ของการพัฒนาบุคลากรและสื่อการเรียนการสอน นอกจากนี้จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ทั้งการจัดซื้อรถตู้เพื่อเป็นพาหนะสำหรับรับ-ส่งนักเรียน อีกทั้งจะนำไปใช้ในการก่อสร้างซ่อมแซม และจัดซื้อครุภัณฑ์ด้วย” นายชินภัทร กล่าว
ด้านนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สอศ.ได้จัดตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ปวช.ปี 1 จำนวน 1,200 ล้านบาท ซึ่ง สอศ.จะเสนอขอปรับงบในส่วนนี้ไปใช้ในการดำเนินโครงการทวิภาคี และการจัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาประจำอำเภอ
ขณะที่ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า สำหรับ สช.นั้นได้เสนอของบจัดซื้อไปจำนวนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจากนี้ สช.จะทำเรื่องเสนอขอปรับงบดังกล่าวเพื่อนำไปจ่ายเงินเดือนครูเอกชน จำนวน 15,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ขณะนี้ยังจ่ายอยู่ไม่ครบ โดยล่าสุดเพิ่งได้รับอนุมัติงบจากสำนักงบประมาณมาเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น จากที่ขอไป 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า สช.ได้ยื่นเรื่องเสนอเพื่อขออนุมัติงบประมาณไปยัง ครม.แต่ยังไม่มีการพิจารณา
รายงานข่าวจากคณะกรรมการ บริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียน เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการประมูลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ หรือ อีอ๊อกชันแท็บเล็ตสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีการเลื่อนออกไปอย่างน้อยหนึ่งเดือนจากกำหนดเดิม 10 พ.ค. เป็น 10 มิ.ย.เนื่องจากมีการปรับแก้ทีโออาร์ภายหลังการประชาพิจารณ์ในสองประเด็น คือ บริษัทประมูลไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ซ่อมบำรุงหลังการขายที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 และแบตเตอรี่แท็บเล็ตชั้นม.1 เพิ่มจาก 3,600 มิลลิแอม เป็นไม่ต่ำกว่า 4,000 มิลลิแอม
