สพฐ.เตรียมเสนอผลวิจัยแท็บเล็ต ป.1 ให้นายกฯ “ชินภัทร” ไม่สนข้อครหาทำวิจัยเอง ย้ำพร้อมให้หน่วยงานภายนอกมาทำวิจัยด้วย แจงงานวิจัยของ สพฐ.ชิ้นนี้เน้นผลเชิงประจักษ์จากพฤติกรรมและผลที่เกิดต่อตัวเด็ก นร.
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้วิจัยผลการใช้งานแท็บเล็ตของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนสังกัด สพฐ.ตามโครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย 1 คอมพิวเตอร์พกพาต่อ 1 นักเรียนซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล การวิจัยดังกล่าวถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะทำให้เห็นถึงแนวทางการใช้แท็บเล็ตให้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้แบบใหม่ โดยแท็บเล็ตจะเป็นส่วนหนึ่งในการปฎิรูปการเรียนการสอนของนักเรียน เพราะจะช่วยพัฒนาผู้เรียนทางด้านการคิด การแสวงหาความรู้ตั้งแต่เด็ก เพราะการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมาของครูจะเน้นการบรรยายและสาธิตในชั้นเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อมีการนำแท็บเล็ตมาใช้กับเด็ก ป.1 จึงทำให้พบว่า โรงเรียนหลายแห่งมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ และผลการวิจัยนั้นยังเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เห็นว่า การใช้แท็บเล็ตของเด็กป.1 มีการตื่นตัวที่จะใฝ่หาความรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการได้เป็นอย่างดี
“มีตัวอย่างของการวิจัยพบว่าเด็กประมาณ 72% สืบหาความรู้ด้วยตนเองหลังจากนั้นจะทำความเข้าใจและสรุปเป็นองค์ความรู้ และเด็กบางกลุ่มสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ข้อมูลที่ค้นพบมาได้ ดังนั้นเมื่อให้โอกาสเด็ก ป.1 ได้ค้นคว้าด้วยตนเองเด็กจะเรียนรู้จากแท็บเล็ตได้ ส่วนจำนวนเด็กที่ไม่สามารถใช้งานจากแท็บเล็ตได้ครูจะต้องช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กไม่ตกหล่นหรือรู้สึกว่าเรียนไม่ทันเพื่อน ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นข้อมูลกรณีศึกษาเพิ่มเติมและขยายผลต่อไป” เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้ให้เป็นนโยบายไว้ว่าควรส่งเสริมพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ให้กับเด็ก ซึ่งถือเป็นคำตอบได้ดีที่ สพฐ.ได้เริ่มต้นปลูกฝังเรื่องดังกล่าวจากเด็ก ป.1
นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า สพฐ.จัดซื้อแท็บเล็ตเองและทำการวิจัยเองนั้นจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลการวิจัยหรือไม่ เรื่องนี้พร้อมให้หน่วยงานภายนอกมาทำวิจัยให้อยู่แล้ว ซึ่งผู้ที่ทำผลวิจัยเรื่องนี้ไม่ได้มีตั้งคำถามจากความรู้สึกแต่ดูจากพฤติกรรมและกระบวนการของเด็กที่เกิดขึ้นมากกว่า ดังนั้นข้อมูลที่ได้จึงเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งตนจะเร่งสรุปรายงานผลการวิจัยครั้งนี้เสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อไปด้วย
