“พงศ์เทพ” ลงนามไฟเขียวเปิดรับสมัครสอบครูผู้ช่วยทั่วไปแล้ว สมัคร 29 เม.ย.-5 พ.ค.ชี้มติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ภาคอีสานให้ยกเลิกสอบครูผู้ช่วยกรณีพิเศษเป็นเรื่องอนาคต ย้ำการยกเลิกเป็นอำนาจ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ที่ได้ดูแล้วว่ามีเหตุผลสมควรหรือไม่ ย้ำหากตั้งใจมีวิธีตรวจสอบหลายวิธี ด้าน “เสริมศักดิ์” เซ็นตั้งศูนย์ประสานงาน ศธ.กับ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ช่วยเหลือประสานด้านข้อมูล
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในหนังสือเห็นชอบหลักเกณฑ์และปฏิทินการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีทั่วไป ประจำปีการศึกษา 2556 แล้ว ซึ่งการสอบแข่งขันครั้งนี้กำหนดให้เขตพื้นที่การศึกษาไปรวมกันจัดสอบตามกลุ่มเขตตรวจราชการ 12 เขต โดยจะต้องไปติดต่อสถาบันการศึกษาเพื่อให้ออกข้อสอบแข่งขันให้ สำหรับมาตรการการป้องกันการทุจริตนั้นเป็นส่วนที่เขตพื้นที่การศึกษาจะต้องไปคัดเลือกสถาบันการศึกษาที่สามารถทำหน้าที่ได้ในการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบ เพราะครั้งนี้ส่วนกลางไม่ได้เข้าไปดำเนินการเรื่องข้อสอบและการประมวลผล ซึ่งทุกคนจะได้สบายใจมากขึ้น โดยหากพบว่าปัญหาเกิดขึ้นทางเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องดำเนินการแก้ไขและรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่ชมรมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีมติให้ ศธ.ยกเลิกเกณฑ์การคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องของอนาคตและต้องมาพิจารณาดูว่าการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ว12 แบบไหนที่ทำให้ทุกคนมั่นใจที่สุดโดยทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยกันดูและเป็นเรื่องที่จะต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ตัดสินใจ
“ เรื่องการพิจารณายกเลิกผลการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยที่ผ่านมา เป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ที่เขาจะต้องไปดำเนินการและประเด็นอยู่ว่าข้อเท็จจริงมีสมบูรณ์พอหรือยัง ไม่ใช่หลับหูหลับตาแล้วไปสั่งให้ยกเลิก ปัญหาตอนนี้คือได้มีการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพอหรือยัง ฉะนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบว่าคนที่สอบได้สอบมาด้วยความสามารถหรือไม่ ก็คือต้องจัดคนที่สอบได้มาทดสอบความรู้ว่าเก่งจริงไหม โดยเฉพาะคนที่ได้คะแนนเกือบเต็ม หากคนเก่งจริงมารับการทดสอบคะแนนก็คงไม่แตกต่าง แต่ถ้าไม่เก่งก็คงไม่ได้ ส่วนนี้จะบ่งชี้ข้อเท็จจริงและเป็นหลักฐานได้ ซึ่งหาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ มีความตั้งใจที่จะหาข้อเท็จจริงมีวิธีการตรวจสอบหลายอย่าง เช่น การมีข้อมูลว่าผู้สอบได้ไปติวพิเศษก็จะช่วยประกอบการตัดสินใจการพิจารณา ส่วนหาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯเพิกเฉยไม่ดำเนินการอะไรทาง ศธ.ก็จะได้รู้ได้เห็นว่าใครทำงานดีไม่ดี อีกทั้งการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ใช่แต่กำหนดเวลาไว้ 15 วันแล้วก็จบยังดำเนินการต่อได้อีก” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวว่าขณะนี้ตนได้เห็นชอบตั้งศูนย์ประสานงานของ ศธ.กับ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เพื่อช่วยเหลือในด้านของข้อมูลและการประสานงานกับส่วนต่างๆ แล้ว จะแย่งเป็นฝ่ายประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ คณะกรรมการสืบข้อข้อเท็จจริง ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยในการพิจารณายกเลิกการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯได้เป็นอย่างดี
นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่าสำหรับร่างหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไปที่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ให้ความเห็นชอบ ได้กำหนดรับสมัครสอบแข่งขันวันที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคมนี้ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขันภายในวันที่ 17 พฤษภาคม และให้ดำเนินการสอบแข่งขัน ภาค ก ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมและการปฏิบัติของวิชาชีพครู ในวันที่ 22 มิถุนายน ภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง วันที่ 23 มิถุนายน และภาค ค ความเหมาะสมกับวิชาชีพ วันที่ 24 มิถุนายน โดยให้ประกาศผลการสอบแข่งขันภายในวันที่ 8 กรกฎาคม
ทั้งนี้ ในกรณีที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯและส่วนราชการต่างๆ ดำเนินการสอบแข่งขันพร้อมกันให้ผู้สมัครมีสิทธิ์สมัครสอบแข่งขันได้เพียงแห่งเดียว หากปรากฏว่าผู้สมัครสอบแข่งขันสมัครเกินกว่าหนึ่งแห่งจะตัดสิทธิ์การสอบแข่งขันทั้งหมด และหากปรากฏว่าการดำเนินการสอบแข่งขันมีการทุจริตหรือส่อไปในทางไม่สุจริตหรือดำเนินการผิดพลาด อันอาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันพิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกการสอบแข่งขันได้ ทั้งนี้เมื่อการสอบแข่งขันเสร็จสิ้นแล้วให้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ โดยให้เรียงลำดับที่จากผู้สอบได้คะแนนรวมทุกภาคจากมากไปหาน้อย โดยแยกตามคุณวุฒิ กลุ่มวิชา หรือสาขาวิชาเอก อย่างไรก็ตามจากนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะทำหนังสือแจ้งเวียนไปให้เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศได้รับทราบและเพื่อให้ออกประกาศ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯในการสอบแข่งขันกันต่อไป
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในหนังสือเห็นชอบหลักเกณฑ์และปฏิทินการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีทั่วไป ประจำปีการศึกษา 2556 แล้ว ซึ่งการสอบแข่งขันครั้งนี้กำหนดให้เขตพื้นที่การศึกษาไปรวมกันจัดสอบตามกลุ่มเขตตรวจราชการ 12 เขต โดยจะต้องไปติดต่อสถาบันการศึกษาเพื่อให้ออกข้อสอบแข่งขันให้ สำหรับมาตรการการป้องกันการทุจริตนั้นเป็นส่วนที่เขตพื้นที่การศึกษาจะต้องไปคัดเลือกสถาบันการศึกษาที่สามารถทำหน้าที่ได้ในการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบ เพราะครั้งนี้ส่วนกลางไม่ได้เข้าไปดำเนินการเรื่องข้อสอบและการประมวลผล ซึ่งทุกคนจะได้สบายใจมากขึ้น โดยหากพบว่าปัญหาเกิดขึ้นทางเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องดำเนินการแก้ไขและรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่ชมรมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีมติให้ ศธ.ยกเลิกเกณฑ์การคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องของอนาคตและต้องมาพิจารณาดูว่าการจัดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ว12 แบบไหนที่ทำให้ทุกคนมั่นใจที่สุดโดยทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยกันดูและเป็นเรื่องที่จะต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ตัดสินใจ
“ เรื่องการพิจารณายกเลิกผลการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยที่ผ่านมา เป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ที่เขาจะต้องไปดำเนินการและประเด็นอยู่ว่าข้อเท็จจริงมีสมบูรณ์พอหรือยัง ไม่ใช่หลับหูหลับตาแล้วไปสั่งให้ยกเลิก ปัญหาตอนนี้คือได้มีการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพอหรือยัง ฉะนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบว่าคนที่สอบได้สอบมาด้วยความสามารถหรือไม่ ก็คือต้องจัดคนที่สอบได้มาทดสอบความรู้ว่าเก่งจริงไหม โดยเฉพาะคนที่ได้คะแนนเกือบเต็ม หากคนเก่งจริงมารับการทดสอบคะแนนก็คงไม่แตกต่าง แต่ถ้าไม่เก่งก็คงไม่ได้ ส่วนนี้จะบ่งชี้ข้อเท็จจริงและเป็นหลักฐานได้ ซึ่งหาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ มีความตั้งใจที่จะหาข้อเท็จจริงมีวิธีการตรวจสอบหลายอย่าง เช่น การมีข้อมูลว่าผู้สอบได้ไปติวพิเศษก็จะช่วยประกอบการตัดสินใจการพิจารณา ส่วนหาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯเพิกเฉยไม่ดำเนินการอะไรทาง ศธ.ก็จะได้รู้ได้เห็นว่าใครทำงานดีไม่ดี อีกทั้งการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ใช่แต่กำหนดเวลาไว้ 15 วันแล้วก็จบยังดำเนินการต่อได้อีก” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวว่าขณะนี้ตนได้เห็นชอบตั้งศูนย์ประสานงานของ ศธ.กับ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เพื่อช่วยเหลือในด้านของข้อมูลและการประสานงานกับส่วนต่างๆ แล้ว จะแย่งเป็นฝ่ายประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ คณะกรรมการสืบข้อข้อเท็จจริง ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยในการพิจารณายกเลิกการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯได้เป็นอย่างดี
นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่าสำหรับร่างหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไปที่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ให้ความเห็นชอบ ได้กำหนดรับสมัครสอบแข่งขันวันที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคมนี้ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแข่งขันภายในวันที่ 17 พฤษภาคม และให้ดำเนินการสอบแข่งขัน ภาค ก ความรอบรู้ ความสามารถทั่วไป และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมและการปฏิบัติของวิชาชีพครู ในวันที่ 22 มิถุนายน ภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง วันที่ 23 มิถุนายน และภาค ค ความเหมาะสมกับวิชาชีพ วันที่ 24 มิถุนายน โดยให้ประกาศผลการสอบแข่งขันภายในวันที่ 8 กรกฎาคม
ทั้งนี้ ในกรณีที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯและส่วนราชการต่างๆ ดำเนินการสอบแข่งขันพร้อมกันให้ผู้สมัครมีสิทธิ์สมัครสอบแข่งขันได้เพียงแห่งเดียว หากปรากฏว่าผู้สมัครสอบแข่งขันสมัครเกินกว่าหนึ่งแห่งจะตัดสิทธิ์การสอบแข่งขันทั้งหมด และหากปรากฏว่าการดำเนินการสอบแข่งขันมีการทุจริตหรือส่อไปในทางไม่สุจริตหรือดำเนินการผิดพลาด อันอาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันพิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกการสอบแข่งขันได้ ทั้งนี้เมื่อการสอบแข่งขันเสร็จสิ้นแล้วให้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ โดยให้เรียงลำดับที่จากผู้สอบได้คะแนนรวมทุกภาคจากมากไปหาน้อย โดยแยกตามคุณวุฒิ กลุ่มวิชา หรือสาขาวิชาเอก อย่างไรก็ตามจากนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะทำหนังสือแจ้งเวียนไปให้เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศได้รับทราบและเพื่อให้ออกประกาศ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯในการสอบแข่งขันกันต่อไป