xs
xsm
sm
md
lg

หมอชนบทลาออก 2 ราย ประชดจ่ายแบบ P4P

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมอโครงการผลิตแพทย์ในชนบท 2 ราย ยอมลาออกแม้ยังใช้ทุนไม่หมด 12 ปี เหตุเพราะเปลี่ยนวิธีจ่ายค่าตอบแทนเป็น P4P อ้างทำให้แพทย์มองคนไข้เป็นสินค้า ด้าน รพร.20 แห่ง ออกแถลงการณ์ รพช.ไม่เอา P4P “หมอประดิษฐ” ลั่นหากมีจริงขอข้อมูล เตรียมเยียวยา

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขณะนี้มีแพทย์ในโครงการแพทย์โอดอด (ODOD) หรือ 1 แพทย์ 1 ตำบล ซึ่งต้องใช้ทุนมากกว่าเรียนแพทย์ทั่วไปถึง 4 เท่า หรือ 12 ปี และหากจะออกก่อนต้องใช้ทุนคืนมากกว่าปกติ 5 เท่า คิดเป็น 2 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนลาออก แต่ล่าสุดมีแพทย์แสดงความประสงค์ลาออก 2 คน โดยเป็นแพทย์โรงพยาบาลบ้านฝาง จ. ขอนแก่น โดยรายแรกเป็นแพทย์ใช้ทุนปี 2 ขึ้น ปี 3 และอีกรายแพทย์ใช้ทุนปี 1 ขึ้น ปี 2 เมื่อสอบถามล้วนตอบว่า ส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายตามภาระงาน (P4P: Pay for Performance) ซึ่งไม่เป็นธรรมกับหมอในชนบท อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต แกนนำแพทย์โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) จะมีการรวมตัวกันเพื่อหารือถึงแนวทางเคลื่อนไหวเรื่องนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งทราบมาว่าแพทย์ ที่ได้รับรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นของศิริราชพยาบาล จะรวมตัวกันร้องทุกข์หน้าสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งทรงเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์ไทย
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
พญ.นิภารัตน์ สรีไพร แพทย์ใช้ทุนโครงการโอดอด ปี 1 ขึ้น ปี 2 กล่าวว่า สาเหตุของการลาออกมี 2 ส่วนคือ ต้องการศึกษาต่อ และไม่พอใจกับการใช้ P4P เพราะจะทำให้แพทย์เห็นคนไข้เหมือนสินค้า ทั้งนี้ หลังจากการลาออกจะไปทำงานเอกชนก่อน เพื่อหาเงินมาใช้คืนรัฐบาล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก่อนทำพีฟอร์พี กลับไม่เคยทำประชาพิจารณ์ความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรพ.ที่จะได้รับประโยชน์จากพีฟอร์พี จะเป็นโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป เพราะมีจำนวนเตียงมากกว่าโรงพยาบาลชุมชน การคิดค่าคะแนนย่อมมากกว่า

วันเดียวกัน เครือข่ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) 20 แห่ง อาทิ รพร.ท่าบ่อ จ.หนองคาย รพร.เชียงของ จ.เชียงราย รพร.เด่นชัย จ.แพร่ รพร.ด่านซ้าย จ.เลย รพร.บ้านดุง จ.อุดรธานี รพร.ตะพานหิน จ.พิจิตร​ รพร.เลิงนกทา จ.ยโสธร รพร.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี รพร.สายบุรี จ.ปัตตานี รพร.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ฯลฯ ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการใช้ P4P ใน รพช.ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานใน รพร.ทุกแห่ง ตระหนักดีถึงพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่พระราชทานแก่ รพร.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2522 ซึ่งได้น้อมนำและยึดเป็นหลักปฏิบัติในการทำงานตลอดมาว่า “ทุกคนที่ทำงาน ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ ก่อกำเนิดขึ้นจากความมุ่งปรารถนาอันแรงกล้าของคนไทยทั่วราชอาณาจักร ที่ต้องการจะเห็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนแห่ง ได้รับการดูแลเอาใจใส่ในการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้ โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน”

​แต่เนื่องจากการปรับเปลี่ยนวิธีคิดเบี้ยเลี้ยงแบบเดิมมาเป็นวิธีคิด P4P ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งใน สธ.นั้น จึงความเห็นร่วมกันว่า ​หากนำมาตรการจ่ายค่าตอบแทนตามระบบ P4P มาใช้กับลักษณะงานทางการแพทย์อาจจะมีความไม่เหมาะสม และอาจส่งผลให้การทำงานไม่เกิดผลสำเร็จดังพระบรมราโชวาทที่ได้ทรงพระราชทานไว้ เนื่องจากงานด้านสุขภาพนั้นเป็นงานวิชาชีพ ไม่ใช่งานอาชีพ งานวิชาชีพใช้มาตรฐานจริยธรรมกำกับ หากเอาพีฟอร์พีมาใช้จะทำให้เกิดปัญหาเชิงจริยธรรม จึงมีข้อเสนอ ดังนี้ 1.ควรชะลอหรือยกเลิกการใช้มาตรการจ่ายค่าตอบแทนพีฟอร์พี 2.ควรทบทวนแนวทางการจ่ายค่าตอบแทนพีฟอร์พี โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ และมีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน แล้วประเมินผลอีกครั้ง 3.ควรเร่งดำเนินการลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย และสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน 4.ควรร่วมมือกันอย่างสันติในการออกแบบระบบการจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม

ด้าน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้มีตัวเลขที่ชัดเจนก่อนว่ามีแพทย์ลาออกเท่าไหร่ จะได้เข้าไปเยียวยา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน อย่างไรก็ตาม อยากให้เข้าใจว่า การปรับวิธีจ่ายค่าตอบแทนนั้นแทบไม่ได้ลดเลย แถมมีการจ่ายเงินแบบ P4P เพิ่มเติมอีก นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมติว่าหากเงินบำรุงไม่พอก็สามารถเบิกเงินงบประมาณได้อีก เรื่องนี้แทบเหมือนเดิมทุกอย่าง จึงอยากให้เข้าใจเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลเข้าใจดีว่าเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายเป็นการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภาครัฐและเอกชน จึงมีการคงที่ไว้ แต่จะให้เพิ่มขึ้นนั้น สิ่งที่จะตอบประชาชนได้ดี คือ การนำ P4P เข้าไปบวก ซึ่งจะเป็นความชอบธรรมที่บุคลากรทางการแพทย์จะได้รับ และการกระทำตรงนี้จะเป็นการรั้งคนในระบบมากกว่าไล่ออกนอกระบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการต้าน P4P ยังมีการยกระดับว่า รัฐมนตรี สธ.ยังต้องการรวบอำนาจองค์กรอิสระต่างๆ จากการตั้งคณะกรรมการนโยบายสาธารณสุขแห่งชาติ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ได้แนะนำให้ รมช.สาธารณสุข จัดการประชุมข้อคิดเห็นเรื่องการปฏิรูป สธ.ขึ้น ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวไม่ได้เพิ่งเกิด แต่เกิดมานานแล้ว โดยความคิดนี้มาจาก สวรส.เอง ตนเป็นผู้นำมาต่อยอดให้สำเร็จ ซึ่งการปฏิรูประบบสาธารณสุข ต้องการสื่อให้เห็นว่าไม่ได้ครอบงำจาก สธ.เพราะกระบวนการต่างๆ ยิ่งคณะกรรมการนโยบายฯ จะดูแล ให้ สธ.สปสช. ฯลฯ ทำงานในแนวทางเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น