ก.คลัง มอบรางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนดีเด่นให้ สปสช.“หมอวินัย” อวยเพราะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ลดการล้มละลายจากการเจ็บป่วยได้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2555 ว่า ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณ โดยเฉพาะประเภททุนหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารและพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ในเชิงนโยบายได้สนับสุนนและส่งเสริมให้ทุนหมุนเวียนสามารถดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การติดตามผลการใช้จ่ายและผลการดำเนินงานจึงเป็นมาตรการหนึ่งที่ควรสนับสนุน และกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้มีการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับทุนหมุนเวียนที่อยู่ในกำกับของกระทรวงการคลัง ปัจจุบันมี 110 ทุน ประกอบด้วยภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐมาก จึงมีการบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 170 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่กำกับดูและและติดตามการใช้จ่าย และเงินรายได้ของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ต้องนำส่งเข้ารายได้แผ่นดิน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนรัฐบาลในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศ
“สำหรับการมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและบริหารจัดการทุนหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของทุนหมุนเวียน และเป็นเป้าหมายให้ทุกทุนหมุนเวียนมีมาตรฐานการดำเนินงานเช่นเดียวกันเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศต่อไป” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ทุนหมุนเวียนที่มอบหมายให้กรมบัญชีกลางกำกับดูแลปัจจุบันมี 110 ทุน มูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ประมาณ 2.45 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.20 ของ GDP และคิดเป็นร้อยละ 103.10 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เป็นงบลงทุนและงบดำเนินงานกว่าปีละ 300,000 ล้านบาท ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก การบริหารงานและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ และกำหนดเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบริหารเงินนอกงบประมาณซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว
สำหรับการมอบรางวัลทุนหมุนเวียนครั้งนี้ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้ทุนหมุนเวียนมุ่งพัฒนาด้านการบริหารและการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ประเมินผลที่กำหนด โดยคณะกรรมการตัดสินรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่งมีเกณฑ์ทั้งด้านประสิทธิภาพการบริหารงาน ด้านการปรับปรุงและพัฒนา และวัดผลการดำเนินงานที่บรรลุเป้าหมายตามภารกิจ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายของการประเมินผลการบริหารและการดำเนินงานทุนหมุนเวียนต่างๆ จะทำให้ทุกทุนหมุนเวียนมีมาตรฐานการดำเนินงานเป็นที่ยอมรับและเป็นประโยชน์ต่อประชากรในทุกกลุ่มเป้าหมายและเป็นกลไกสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอย่างยั่งยืน
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ในฐานะองค์กรบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น มีหน้าที่บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนไทยที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลจากระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่ง สปสช.บริหารงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการกระจายให้เป็นธรรม มุ่งเน้นการกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพการจัดบริการ รวมทั้งบริหารเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการของประชาชนกลุ่มที่มีความจำเป็นด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ ในปี 2556 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับงบประมาณจากกระทรวงการคลัง จำนวน 141,302.745 ล้านบาท ครอบคลุมประชากรกว่า 48 ล้านคน ทั้งจากการรักษาพยาบาล การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสุขภาพ และได้รับการประเมินจากกระทรวงการคลังให้เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีซ้อน (ปี 51, ปี 52 และปี 54 แต่ในปี 53 นั้น สปสช.ได้รางวัลผลการดำเนินงานชมเชย) ซึ่งในปีนี้ 2555 ได้รับรางวัลประเภทประสิทฺธิภาพด้านบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนดีเด่น ซึ่งเป็นทุนหมุนเวียนที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการ จากรางวัลในครั้งเป็นความสำเร็จจากการบริหารจัดการกองทุนอย่างเป็นระบบโดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ จึงทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพิธีมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2555 ว่า ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณ โดยเฉพาะประเภททุนหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารและพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ในเชิงนโยบายได้สนับสุนนและส่งเสริมให้ทุนหมุนเวียนสามารถดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การติดตามผลการใช้จ่ายและผลการดำเนินงานจึงเป็นมาตรการหนึ่งที่ควรสนับสนุน และกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้มีการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับทุนหมุนเวียนที่อยู่ในกำกับของกระทรวงการคลัง ปัจจุบันมี 110 ทุน ประกอบด้วยภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐมาก จึงมีการบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 170 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่กำกับดูและและติดตามการใช้จ่าย และเงินรายได้ของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ต้องนำส่งเข้ารายได้แผ่นดิน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนรัฐบาลในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศ
“สำหรับการมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและบริหารจัดการทุนหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของทุนหมุนเวียน และเป็นเป้าหมายให้ทุกทุนหมุนเวียนมีมาตรฐานการดำเนินงานเช่นเดียวกันเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศต่อไป” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ทุนหมุนเวียนที่มอบหมายให้กรมบัญชีกลางกำกับดูแลปัจจุบันมี 110 ทุน มูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ประมาณ 2.45 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.20 ของ GDP และคิดเป็นร้อยละ 103.10 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เป็นงบลงทุนและงบดำเนินงานกว่าปีละ 300,000 ล้านบาท ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก การบริหารงานและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ และกำหนดเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบริหารเงินนอกงบประมาณซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว
สำหรับการมอบรางวัลทุนหมุนเวียนครั้งนี้ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้ทุนหมุนเวียนมุ่งพัฒนาด้านการบริหารและการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ประเมินผลที่กำหนด โดยคณะกรรมการตัดสินรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่งมีเกณฑ์ทั้งด้านประสิทธิภาพการบริหารงาน ด้านการปรับปรุงและพัฒนา และวัดผลการดำเนินงานที่บรรลุเป้าหมายตามภารกิจ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายของการประเมินผลการบริหารและการดำเนินงานทุนหมุนเวียนต่างๆ จะทำให้ทุกทุนหมุนเวียนมีมาตรฐานการดำเนินงานเป็นที่ยอมรับและเป็นประโยชน์ต่อประชากรในทุกกลุ่มเป้าหมายและเป็นกลไกสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอย่างยั่งยืน
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ในฐานะองค์กรบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น มีหน้าที่บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนไทยที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลจากระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่ง สปสช.บริหารงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการกระจายให้เป็นธรรม มุ่งเน้นการกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพการจัดบริการ รวมทั้งบริหารเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการของประชาชนกลุ่มที่มีความจำเป็นด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ ในปี 2556 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับงบประมาณจากกระทรวงการคลัง จำนวน 141,302.745 ล้านบาท ครอบคลุมประชากรกว่า 48 ล้านคน ทั้งจากการรักษาพยาบาล การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสุขภาพ และได้รับการประเมินจากกระทรวงการคลังให้เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีซ้อน (ปี 51, ปี 52 และปี 54 แต่ในปี 53 นั้น สปสช.ได้รางวัลผลการดำเนินงานชมเชย) ซึ่งในปีนี้ 2555 ได้รับรางวัลประเภทประสิทฺธิภาพด้านบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนดีเด่น ซึ่งเป็นทุนหมุนเวียนที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการ จากรางวัลในครั้งเป็นความสำเร็จจากการบริหารจัดการกองทุนอย่างเป็นระบบโดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ จึงทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้