บอร์ด สปสช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว หวังเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหาร ระบบบริการรักษาพยาบาล และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพผู้สูงอายุ หลังพบปี 2555 พุ่งสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท วิตกเข้าสังคมผู้สูงวัยค่าใช้จ่ายบานปลายกว่าเดิม
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวระหว่างเป็นการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมีการพิจารณาเรื่อง ข้อเสนอการแต่งตั้งอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง ว่า จากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2555 พบว่า ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป สูงถึงร้อยละ 12.59 ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน ขณะที่สิงคโปร์มีร้อยละ 12.25 และเวียดนามร้อยละ 8.53 โดยคาดว่าประเทศไทยจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 7.5 ล้านคน ในปี 2553 เป็น 14.5 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ในปี 2568 โดยการประเมินพบว่าประเทศไทยจะเข้าสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่จะมีค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นตามอายุ
“จากข้อมูลบัญชีรายจ่ายสุขภาพของประเทศไทยปี 2555 พบว่า มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพประมาณการณ์ 4.3 แสนล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุถึง 1.4 แสนล้านบาทหรือร้อยละ 30 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น สธ.และ สปสช.ได้เร่งปรับกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งระบบบริหารและระบบบริการรักษาพยาบาลและการดูแลผู้สูงอายุ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับเรื่องดังกล่าว และเพื่อให้การดำเนินงานมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บอร์ด สปสช.จึงมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ทำหน้าที่ประสานและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ในภาวะพึ่งพิง วิเคราะห์สถานการณ์ และพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสุขภาพและสังคม โดยพิจารณาประเด็นย่อยร่วมด้วย เช่น ชุดบริการ ระบบการดูแล ระบบการเงินการคลัง และการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ รวมทั้งกำลังคนด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ และนำเสนอบอร์ด สปสช.เพื่อพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง เพื่อให้เกิดระบบได้จริงในระยะเวลาที่เหมาะสม และกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุ มี นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้านผู้สุงอายุ เป็นประธาน นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นรองประธาน ส่วนอนุกรรมการประกอบด้วย รองปลัด สธ.ผู้แทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสภาการพยาบาล ผผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบลในบอร์ด สปสช.รองอธิบดีกรมการแพทย์ รองอธิบดีกรมอนามัย ผอ.ส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม เลขาธิการสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย คณะสังคมสงเคราะห์ ม.ธรรมศาสตร์
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวระหว่างเป็นการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมีการพิจารณาเรื่อง ข้อเสนอการแต่งตั้งอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง ว่า จากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2555 พบว่า ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป สูงถึงร้อยละ 12.59 ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน ขณะที่สิงคโปร์มีร้อยละ 12.25 และเวียดนามร้อยละ 8.53 โดยคาดว่าประเทศไทยจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 7.5 ล้านคน ในปี 2553 เป็น 14.5 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ในปี 2568 โดยการประเมินพบว่าประเทศไทยจะเข้าสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่จะมีค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นตามอายุ
“จากข้อมูลบัญชีรายจ่ายสุขภาพของประเทศไทยปี 2555 พบว่า มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพประมาณการณ์ 4.3 แสนล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุถึง 1.4 แสนล้านบาทหรือร้อยละ 30 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น สธ.และ สปสช.ได้เร่งปรับกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งระบบบริหารและระบบบริการรักษาพยาบาลและการดูแลผู้สูงอายุ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับเรื่องดังกล่าว และเพื่อให้การดำเนินงานมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บอร์ด สปสช.จึงมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ทำหน้าที่ประสานและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ในภาวะพึ่งพิง วิเคราะห์สถานการณ์ และพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสุขภาพและสังคม โดยพิจารณาประเด็นย่อยร่วมด้วย เช่น ชุดบริการ ระบบการดูแล ระบบการเงินการคลัง และการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ รวมทั้งกำลังคนด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ และนำเสนอบอร์ด สปสช.เพื่อพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง เพื่อให้เกิดระบบได้จริงในระยะเวลาที่เหมาะสม และกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุ มี นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้านผู้สุงอายุ เป็นประธาน นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นรองประธาน ส่วนอนุกรรมการประกอบด้วย รองปลัด สธ.ผู้แทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสภาการพยาบาล ผผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบลในบอร์ด สปสช.รองอธิบดีกรมการแพทย์ รองอธิบดีกรมอนามัย ผอ.ส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม เลขาธิการสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย คณะสังคมสงเคราะห์ ม.ธรรมศาสตร์
