xs
xsm
sm
md
lg

อัดฉีดงบเพิ่้ม 2 หมื่นล.ให้ อปท.หวังดึงแนวร่วมดูแลสุขภาพ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
รัฐบาลอัดฉีดงบให้ อปท.เพิ่ม 20,000 ล้านบาท ในปี 2556 นี้ หวังดูแลกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะสุขภาพ “หมอประดิษฐ” รับลูก มอบ รพ.สต.ทั่วประเทศ เดินหน้ากลยุทธ์ส่งเสริมสุขภาพ สร้างภูมิต้านทานโรคทางสังคมให้ ปชช.ทุกกลุ่มวัย ร่วม อสม.และท้องถิ่น มั่นใจลดปัญหาป่วยตายได้

วันนี้ (13 ก.พ.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดประชุมและมอบนโยบายแก่ผู้แทนชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทยประมาณ 120 คน เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์หน่วยงานสาธารณสุขระดับอำเภอและระดับตำบล ว่า ในปี 2556 นี้ รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขึ้นอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท ให้เป็นสัดส่วนร้อยละ 50 เพื่อดูแลกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย โดยงบส่วนนี้จะไปเพิ่มในส่วนของเงินที่จะอุดหนุนกิจกรรมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน การดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการ โดยให้มีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันในพื้นที่ ระหว่างหน่วยงาน อปท.ประชาชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มั่นใจงานจะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาสุขภาพที่สำคัญของรัฐบาล คือการสร้างภูมิต้านทานให้กับประชาชนทุกวัย เนื่องจากโรคที่กำลังคุกคามประเทศของเราขณะนี้ เป็นโรคจากพฤติกรรมทางสังคม แตกต่างจากในอดีตซึ่งเป็นโรคติดเชื้อ ซึ่งเราสามารถควบคุมได้ดีพอสมควร และมีการฉีดวัคซีน ได้มอบนโยบายให้ รพ.สต.ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง เพิ่มกลยุทธ์ในด้านการส่งเสริมสุขภาพประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา ร่วมกับ อปท.และ อสม.เพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อโรคทางสังคม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คืออายุ 0-6 ปี อายุ 6-18 ปี อายุ 18-59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากจะเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น กลุ่มอายุ 0-6 ปี จะดูตั้งแต่การตั้งครรภ์ การฝากครรภ์ ที่ถูกต้องเพื่อให้เด็กที่เกิดออกมาเป็นเด็กมีคุณภาพ กลุ่มอายุ 6-18 ปี เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยทำงาน เข้าสู่สังคม เด็กวัยเหล่านี้เมื่อเข้าสู่สังคมจะมีพฤติกรรมและพบกับปัญหาความเสี่ยงต่างๆ จะต้องดูตั้งแต่เรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การลดพฤติกรรมความเสี่ยงต่างๆ เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัยในกลุ่มที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ จะต้องกระตุ้นและสร้างให้มีภูมิต้านโรคโดยเฉพาะพฤติกรรมต่างๆ ป้องกันโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งจะต้องมีระบบการตรวจค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยง เพื่อแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยงป้องกันไม่ให้ป่วย ก็จะเป็นการประหยัดเงิน ยืดอายุการมีสุขภาพดีให้แก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น สำหรับกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเน้นเรื่องการซ่อมแซม การฟื้นฟูสุขภาพ

“กลยุทธ์เหล่านี้ต้องเริ่มต้นที่ระดับ รพ.สต.เป็นผู้ดูแลโดยร่วมมือกับท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การทำงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพนั้น จะยังคงในเรื่องการให้บริการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนที่เจ็บป่วย และมีระบบการส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลด่านแรกที่อยู่ใกล้ชุมชนที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น