xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง! ยอดคุณแม่วัยทีนในไทยสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตะลึง! สถิติไทยมีคุณแม่วัยทีนสูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน รองจากลาว พบวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน อายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน เหตุคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง สธ.เดินหน้าเฝ้าระวังแท้งใน 13 จังหวัดนำร่อง พร้อมดันยุทธศาสตร์พัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์ สางปัญหาท้องไม่พร้อม

วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม “โครงการพัฒนายุทธศาสตร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น” ว่า ปัจจุบันวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น อายุเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกพบว่ามีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยมีอายุเฉลี่ย 15-16 ปี ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มัธยมศึกษาปีที่ 5 และ ปวช.ปีที่ 2 โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2550-2554 พบว่า การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกนิยมใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 55.1 โดยร้อยละ 70 ของวัยรุ่นใช้บ้านตนเองหรือบ้านเพื่อนเป็นสถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ของวัยรุ่น พบว่า ส่วนใหญ่ใช้วิธีคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้ป้องกัน เพราะขาดความรู้และเข้าใจผิดว่าการร่วมเพศครั้งเดียวไม่ทำให้ตั้งครรภ์ การใช้ถุงยางอนามัยขัดขวางความรู้สึกทางเพศ และไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสตั้งครรภ์เมื่อใด นอกจากนี้ วัยรุ่นยังไม่กล้าไปขอรับบริการคุมกำเนิด เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการมีทัศนคติไม่ดีต่อวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นแม้จะมีความรู้แต่ก็เข้าไม่ถึงบริการคุมกำเนิด

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า จากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย และมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ส่งผลให้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้น จากสถิติสาธารณสุขพบว่าในปี 2554 มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน และ เปรียบเทียบกับปี 2553 ในช่วงวัยเดียวกัน พบว่า วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 4 คน

ในสายตาของต่างชาติ ไทยมีภาพลักษณ์เป็นประเทศที่มีคุณแม่วัยทีนเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะมีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีคลอดบุตรวันละ 370 คน เมื่อคิดเป็นรายปีก็มีประมาณแสนกว่าราย แต่ในความเป็นจริงไทยมีอัตราการคลอดสูงเป็นลำดับที่ 2 ของภูมิภาคอาเซียนรองจากลาว เนื่องจากข้อมูลสถิติของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ.2548-2554 พบว่า อัตราการคลอดในปี 2554 คิดเป็น 53.6 ต่อหญิงอายุ 15-19 ปีพันคน ขณะที่ลาวมีอัตราการคลอดอยู่ที่ 110 ต่อหญิงอายุ 15-19 ปีพันคน” รมช.สาธารณสุข กล่าว
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลปี 2554 พบว่า ร้อยละ 53 ของผู้ป่วยที่ทำแท้งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและเยาวชน ในจำนวนนี้ร้อยละ 30 มีสถานภาพเป็นนักเรียนนักศึกษา และการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พบว่า มากกว่าร้อยละ 80 เป็นการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ส่งผลให้แม่วัยรุ่นยังขาดโอกาสในการศึกษา เพราะต้องรับภาระในการดูแลบุตรและสร้างครอบครัว นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันยังส่งผลให้อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น อายุ 10-24 ปี สูงขึ้นจากร้อยละ 41.5 ต่อแสนประชากร ในปี 2548 เพิ่มเป็น 89.5 ต่อแสนประชากรในปี 2554 รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคเอดส์ด้วย

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม สำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ได้ดำเนินการเฝ้าระวังการแท้งในประเทศไทย โดยดำเนินการนำร่องใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลเข้าร่วม 134 แห่งแล้ว ขณะที่แนวทางแก้ปัญหา สธ.ได้ร่วมกับภาคเครือข่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1.ผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และ 2.ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2553-2557) โดยส่งเสริมให้ครอบครัวอบอุ่นมีลูกเมื่อพร้อม สนับสนุนให้โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องเพศศึกษา รวมทั้งการพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียน ส่งเสริมให้โรงพยาบาลทุกแห่งพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข เน้นการเข้าถึงการใช้บริการในกลุ่มวัยรุ่น โดยจัดบริการสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เป็นมิตรสำหรับวัยรุ่นและเยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านอนามัยเจริญพันธุ์ในกลุ่มวัยรุ่นทั้งในและนอกสถานศึกษา ด้วยการพัฒนาระบบการให้คำปรึกษา การดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น และระบบส่งต่อเพื่อเชื่อมโยงระหว่างชุมชน สถานศึกษา และคลินิกวัยรุ่นในโรงพยาบาล ผ่านการดำเนินการโครงการ 1 โรงเรียน 1 โรงพยาบาล และอำเภออนามัยการเจริญพันธุ์

“นอกจากนี้ จะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาศักยภาพของแกนนำวัยรุ่นด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ ผ่านทางสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และสนับสนุนให้ทุกจังหวัดมีการจัดตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานแก้ไขปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์ระดับจังหวัด โดยเฉพาะประเด็นการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและเยาวชน มีแผนยุทธศาสตร์และนำสู่การปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์ในวัยรุ่นและเยาวชนอย่างยั่งยืน” รมช.สาธารณสุข กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น