สธ.เผย ปี 2554 พบวัยรุ่นหญิงไทยอายุ 10-19 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยชั่วโมงละ 15 คน เหตุเข้าใจผิดๆ ร่วมเพศครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ เร่งจับมือ ศธ.สร้างทัศนคติเรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้อง นำร่องโรงเรียน 12 แห่งใน กทม.และ ปริมณฑล ป้องกันปัญหาท้องในวัยเรียน
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม กรุงเทพมหานคร นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจวัยรุ่นเรื่องเพศศึกษา เพื่อพัฒนาสุขภาพวัยรุ่น ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ในโครงการศึกษาสาธารณสุขร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระบบการศึกษา เพื่อให้เป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิต ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานเอกชน จัดรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้องให้แก่วัยรุ่น เริ่มนำร่องในโรงเรียนที่อยู่ใน กทม.และปริมณฑลก่อน 12 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนไทยบริหารธุรกิจ 2.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 3.โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม 4.โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ 5.โรงเรียนเอสแบคนนทบุรี 6.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ 7.โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร 8. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 9.โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ 10.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 11.โรงเรียนเอสแบค สะพานใหม่ และ 12.โรงเรียนสาธิตเกษตร โดยจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 10 กันยายน 2555 นี้
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า จากสถิติในปี 2554 พบว่า วัยรุ่นหญิงของไทยอายุ 10-19 ปี คลอดบุตรจำนวน 131,4000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 15 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของหญิงคลอดบุตรทั้งหมดในประเทศ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการคลอดบุตรในวัยรุ่นระดับโลกที่มีร้อยละ 11 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นในทวีปเอเชีย ที่พบร้อยละ 14 ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งเกิดมาจากมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการร่วมเพศ คิดว่า การร่วมเพศครั้งเดียวแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ การใช้ถุงยางอนามัยจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ โดยร้อยละ 80 เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้วัยรุ่นตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ หรือทำแท้ง ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ปลอดภัยเสี่ยงอันตรายและอาจเสียชีวิตได้ และยังพบอีกว่ามีวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งกลุ่มวัยรุ่น เป็นกลุ่มที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ใช้บริการทั้งหมดด้วย จึงต้องเร่งแก้ไขป้องกันร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการรณรงค์ให้วัยรุ่นไทยมีความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างเหมาะสมมีทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้จัดทำแผนดำเนินการต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2555-2559 โดยมีการเสริมสร้างทักษะชีวิต พัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจ ให้ความรู้เพศศึกษาป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรม รวมทั้งส่งเสริมการดูแลสุขภาพวัยรุ่นและเยาวชนไทย โดยได้จัดตั้งคลินิกจิตสังคม ในโรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลชุมชน หรือ รพช.ทั่วประเทศ รวมประมาณ 1,000 แห่ง ให้บริการวัยรุ่นทุกเรื่องรวมทั้งให้คำปรึกษาครอบครัวที่มีลูกอยู่ในวัยรุ่นด้วยบริการที่เป็นมิตร
สำหรับกิจกรรมของโครงการนี้ ประกอบด้วย เวทีเสวนาให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การตอบคำถามจากดารารับเชิญบูธกิจกรรม และนิทรรศการสื่อสารความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาโดยกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิตและกระทรวงวัฒนธรรม การประกวดดนตรีและแต่งเพลงเป็นสื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศหรือ SMART TEEN “love : say play”
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม กรุงเทพมหานคร นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจวัยรุ่นเรื่องเพศศึกษา เพื่อพัฒนาสุขภาพวัยรุ่น ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ในโครงการศึกษาสาธารณสุขร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระบบการศึกษา เพื่อให้เป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิต ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานเอกชน จัดรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้องให้แก่วัยรุ่น เริ่มนำร่องในโรงเรียนที่อยู่ใน กทม.และปริมณฑลก่อน 12 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนไทยบริหารธุรกิจ 2.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 3.โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม 4.โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ 5.โรงเรียนเอสแบคนนทบุรี 6.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ 7.โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร 8. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 9.โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ 10.โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 11.โรงเรียนเอสแบค สะพานใหม่ และ 12.โรงเรียนสาธิตเกษตร โดยจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 10 กันยายน 2555 นี้
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า จากสถิติในปี 2554 พบว่า วัยรุ่นหญิงของไทยอายุ 10-19 ปี คลอดบุตรจำนวน 131,4000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 15 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของหญิงคลอดบุตรทั้งหมดในประเทศ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการคลอดบุตรในวัยรุ่นระดับโลกที่มีร้อยละ 11 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นในทวีปเอเชีย ที่พบร้อยละ 14 ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งเกิดมาจากมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการร่วมเพศ คิดว่า การร่วมเพศครั้งเดียวแล้วจะไม่ตั้งครรภ์ การใช้ถุงยางอนามัยจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ โดยร้อยละ 80 เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้วัยรุ่นตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ หรือทำแท้ง ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ปลอดภัยเสี่ยงอันตรายและอาจเสียชีวิตได้ และยังพบอีกว่ามีวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งกลุ่มวัยรุ่น เป็นกลุ่มที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ใช้บริการทั้งหมดด้วย จึงต้องเร่งแก้ไขป้องกันร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการรณรงค์ให้วัยรุ่นไทยมีความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างเหมาะสมมีทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้จัดทำแผนดำเนินการต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2555-2559 โดยมีการเสริมสร้างทักษะชีวิต พัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจ ให้ความรู้เพศศึกษาป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรม รวมทั้งส่งเสริมการดูแลสุขภาพวัยรุ่นและเยาวชนไทย โดยได้จัดตั้งคลินิกจิตสังคม ในโรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลชุมชน หรือ รพช.ทั่วประเทศ รวมประมาณ 1,000 แห่ง ให้บริการวัยรุ่นทุกเรื่องรวมทั้งให้คำปรึกษาครอบครัวที่มีลูกอยู่ในวัยรุ่นด้วยบริการที่เป็นมิตร
สำหรับกิจกรรมของโครงการนี้ ประกอบด้วย เวทีเสวนาให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การตอบคำถามจากดารารับเชิญบูธกิจกรรม และนิทรรศการสื่อสารความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาโดยกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิตและกระทรวงวัฒนธรรม การประกวดดนตรีและแต่งเพลงเป็นสื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศหรือ SMART TEEN “love : say play”