xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นจีโอ ชงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แก้ปัญหาความรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เอ็นจีโอ” ชงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ประกาศนโยบายก่อนถึงโค้งสุดท้าย เน้นแก้ปัญหาความรุนแรง ชูยุทธศาสตร์ป้องกันเยียวยาเด็ก-สตรี ขณะที่เยาวชนสะท้อน อยากเห็นผู้สมัครจริงใจพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน และน้ำเมา

วันนี้ (6 ก.พ.) นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายหาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ว่า แทบน้อยมากที่ผู้สมัครจะเน้นให้ความสำคัญกับนโยบายการแก้ปัญหาผู้หญิงและเด็ก เพราะส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องโครงสร้างการจราจร อำนวยความสะดวก ซึ่งยังไปไม่ถึงคุณภาพชีวิตที่แท้จริง ทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่กลับไม่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น การชูนโยบาย “จะทำให้ผู้หญิงมีความสุข” ซึ่งเป็นประเด็นที่กว้างเกินไปไม่รู้ว่าผู้หญิงจะมีความสุขแบบไหน อีกทั้งผู้สมัครเน้นเรื่องโครงสร้างเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่อย่าลืมว่ามหานครแห่งอาเซียน ไม่ได้มีแค่เรื่องตึก หรือโครงสร้างอย่างเดียว ควรพูดถึงคนที่อยู่ในมหานครด้วย และตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ตั้งแต่เด็ก เยาวชน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ รวมถึงต่างชาติ

นายจะเด็จ กล่าวอีกว่า ผู้สมัครควรให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพชีวิต ควรแก้ที่ต้นเหตุ หรือรากของปัญหา สิ่งที่ผู้หญิงต้องการตอนนี้คือความปลอดภัยในชีวิต ไม่ใช่การวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ห่างไกลและฉาบฉวย ทั้งนี้ หากดูข้อมูลความรุนแรงจะพบว่าเพิ่มขึ้นทุกปี และแต่ละปีมีข่าวความรุนแรงในครอบครัวมากถึง 300-400 ข่าว ส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย การฆ่ากัน นอกจากนี้ สถิติปี 2555 ที่มูลนิธิได้ให้คำปรึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีมากถึง 202 ราย และ 70% เป็นกลุ่มผู้หญิง ส่วนปัญหาที่พบ คือ ความรุนแรงในครอบครัว การถูกทำร้ายร่างกาย ปัจจัยมาจากการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งตรงนี้ต่างหากคือของจริงที่ต้องนำมาพูด

“จากการหารือร่วมกับองค์กรเครือข่ายผู้หญิง ต่างต้องการเห็นความชัดเจน การแก้ปัญหาแบบครบวงจร ทั้งเชิงป้องกันและเยียวยา เพราะต้องไม่ลืมว่า ประชากรผู้หญิงในกรุงเทพฯ มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่าผู้ชาย หรือประมาณ 60% จึงอยากให้ผู้สมัครให้ความสำคัญ และประกาศเป็นนโยบายก่อนถึงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง เช่น มีศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในกรุงเทพฯทั้ง 50 เขต ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเวลาเกิดเหตุจะได้ช่วยเหลือ หรือแจ้งได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ควรมีงบประมาณในส่วนของ กทม.สนับสนุนให้ผู้หญิงมีบทบาทเข้าไปบริหารชุมชนของตนเองให้เกิดความเข้มแข็ง ปลอดจากอบายมุข สามารถพัฒนาเติบโตต่อไปได้” นายจะเด็จ กล่าว

นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า อยากให้ผู้สมัครตอบเด็กและเยาวชนให้ชื่นใจ ในเรื่องนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริม พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน เช่น นโยบายการควบคุมปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า จะมีมาตรการอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะแนวทางการจัดระเบียบร้านเหล้ารอบสถานศึกษา การเข้มงวดการห้ามขายให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี การห้ามจำหน่ายในสถานที่ต้องห้าม เป็นต้น เพราะปัญหาที่ตามมาจากการมอมเมาของบรรดาอบายมุขรอบสถานศึกษา อาจจะยากเกินกว่าที่จะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องขาดความรับผิดชอบ จนเสียการเรียน ปัญหาการทะเลาะวิวาท ปัญหาอาชญากรรม การละเมิดทางเพศ รวมถึงปัญหาการท้อง แท้ง ทิ้ง ซึ่งหากย้อนดูข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรา จะพบว่า เยาวชนไทยดื่มหนักมากกว่าประชาชนทั่วไปถึง 30% หรือคนละ 4 ขวดของเบียร์ไทย ซึ่งถือว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงมาก

“ผู้สมัครแต่ละท่านรู้หรือไม่ว่าโดยตำแหน่งผู้ว่าฯ ต้องเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม.ตามกฎหมายด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญในการทำให้พื้นที่ กทม.มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาต่างๆ ลงได้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายเด็กและเยาวชนกำลังจับตาว่าผู้สมัครท่านใด จะมีนโยบายที่โดนใจและป้องกันแก้ไขปัญหานี้ได้จริง” นายธีรภัทร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น