พะเยา - พบหญิงไทยรับการกระทำรุนแรงจากสามีได้ เผยเป็นทัศนคติที่น่ากลัว ขณะที่เด็ก-สตรีถูกกระทำเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 3 ครั้ง พม.เร่งสร้างระบบการคุ้มครองในตำบลนำร่อง
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และจัดทำระบบการคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ และป้องกันแก้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และความรุนแรงในครอบครัวระดับตำบล ที่สำนักงานกิจกรรมสตรี และสถาบันครอบครัว โดยสำนักส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดขึ้นที่โรงแรมพะเยาเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา โดยมีเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจาก จ.พะเยา จ.เชียงราย และ จ.น่าน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านกว่า 100 คนเข้าร่วมนั้น
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว กล่าวว่า ปัจจุบันการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ประเทศไทยมีการกระทำความรุนแรงเฉลี่ยชั่วโมงละ 3 ครั้ง กลุ่มเด็กและผู้หญิงถูกกระทำมากสุดร้อยละ 80-90 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 14-15 ปี ซึ่งเด็กผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ถูกกระทำมากที่สุด เนื่องจากอ่อนแอกว่า ไม่สามารถต่อสู้ได้ ส่วนคนที่ก่อเหตุคือบุคคลใกล้ตัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่เข้าใจผิดว่าตัวเองมีสิทธิกระทำได้โดยชอบ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
“ที่เลวร้ายที่สุดคือ มีการสำรวจกลุ่มผู้หญิง พบว่าหญิงไทยยอมรับได้กับการที่สามีกระทำความรุนแรงต่อตนเอง ซึ่งเป็นอันดับ 2 จากการสำรวจกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ถือว่าทัศนคตินี้ค่อนข้างอันตราย เพราะการเข้าไปช่วยเหลือจะยากยิ่งขึ้น”
นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว ได้เร่งทำระบบการคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ และป้องกันแก้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และความรุนแรงในครอบครัวในระดับตำบลขึ้นในจังหวัดนำร่องทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียง ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เป็นตำบลต้นแบบในการแก้ปัญหาการกระทำความรุนแรงของทุกจังหวัด