“มงคลกิตติ์” จวก! รัฐเมินครูใต้ปล่อยตายไม่เว้นวัน ร้องขอเงินเยียวยา 7.75 ล.เท่า นปช. ย้ำศักดิ์ศรีครูเท่าคนเสื้อแดง ชี้ครูใต้ขอย้ายกลับไม่ได้ส่วนใหญ่ติดปัญหาไร้เส้นสาย อยากย้ายจริงต้องจ่ายกิโลละแสน จี้ “พงศ์เทพ” ลงมาดูแล ด้านครูใต้ขอพักหนี้ ช.พ.ค.ครูใต้ 1 ปี
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายอุตสาห์ พาสกุล ประธานชมรมเครือข่ายพัฒนาครูสู่ประชาคมอาเซียน พร้อมด้วย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อขอให้พิจารณาเพิ่มสวัสดิการแก่ครู 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นกรณีพิเศษ โดยนายอุตสาห์เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองผู้อำนวยศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตครู ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งดูแลเกี่ยวกับสวัสดิการของครูนั้น ตนจึงได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ. เพื่อขอเพิ่มสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา เพื่อขอให้พิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนที่เสียชีวิตรายละ 7.75 ล้านบาทเท่ากับที่รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มาชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ซึ่งปัจจุบันมีครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่เสียชีวิตไปแล้ว 157 คน ในจำนวนนี้รวมทั้ง น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ด้วย ซึ่งครั้งนั้น น.ส.จูหลิงเสียชีวิตได้รับเงินชดเชยจากส่วนอื่นแค่ 400,000 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เพิ่งอนุมัติงบประมาณกลาง 2,000 ล้านบาทเพื่อเยียวยาผู้เสียชีวิตกลุ่ม นปช.ดังกล่าว นอกจากนั้น ยังเรียกร้องขอให้พักหนี้ฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) ให้แก่ครูทั้งหมดในพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี เพราะเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลถึงครูและครอบครัวไม่สามารถออกไปทำงานได้ ออกไปกรีดยางก็ไม่ได้ ขณะที่ครูที่กู้ ช.พ.ค.จำนวน 3 ล้านบาทต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 28,000 บาท เพราะฉะนั้นถ้ามีการพักหนี้ ช.พ.ค.ให้ครูใต้ก็จะเป็นขวัญกำลังใจให้ครู
“ข้อเรียกร้องดังกล่าวได้ผ่านการหารือกับตัวแทนครูใต้ทั้งในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งต่างก็เห็นว่ามาตรการนี้จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูใต้ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่ายังมีผู้ที่มองเห็นความเดือดร้อนของพวกเขาอยู่และไม่ได้ทอดทิ้งกัน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และมีการพุ่งเป้าหมายไปที่ครูและบุคลากรทางการศึกษา จนตอนนี้โรงเรียนทุกระดับในพื้นที่จำนวน 1,200 โรงเรียนปิดการเรียนการสอนแบบไม่มีกำหนดหมดแล้ว เพราะเปิดสอนไปก็โดนฆ่า เลยไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะสอน ครูใต้อยากให้ทางรัฐบาลส่งครูอิสลามที่มีความประสงค์ต้องการกลับไปประจำที่บ้านอยู่แล้ว มาสอนแทนพวกเขา พวกครูพุทธจะได้กลับบ้าน” นายอุตสาห์กล่าว
ด้าน ตัวแทนญาติครูภาคใต้รายหนึ่ง ระบุว่า น้องสาวเป็นครูอยู่ในภาคใต้ มีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ การจะเดินทางกลับบ้านหรือไปไหนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ที่สำคัญเจ้าตัวรู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องการขอย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยง เคยทำเรื่องขอย้ายหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะฉะนั้นอยากให้ ศธ.ช่วยดูแลเรื่องการขอย้ายครูด้วย
ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีงบกลางเหลืออยู่ 7.37 หมื่นล้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะขอใช้งบกลางได้ เพราะฉะนั้น ถ้ารัฐบาลเห็นด้วยที่จะให้มีการจ่ายเงินเยียวยาครูที่เสียชีวิตรายละ 7.75 ล้านบาทแล้ว ก็สามารถเสนอเรื่องขอความเห็นชอบจาก ครม.ได้ทันทีในสัปดาห์หน้า และตนเห็นว่าวันอังคารที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ครม.ยังสามารถอนุมัติเงิน 2,000 ล้านบาทเพื่อเยียวยาคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นก็น่าจะอนุมัติงบกลางเพื่อเยียวยาครูได้ เพราะครูก็คงมีศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่าคนเสื้อแดง นอกจากนั้น อยากให้นายกฯ หรือระดับรองนายกฯ ลงพื้นที่บ้าง ที่ผ่านมาไม่เคยมีระดับผู้นำรัฐบาลสักคนที่ลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ครูและข้าราชการในพื้นที่
“อยากให้ ศธ.เข้าไปดูเรื่องการขอย้ายของครูใต้ด้วย ผมกล้ายืนยันว่าที่ผ่านมาครูใต้ทำเรื่องขอย้ายประสบความสำเร็จน้อยมาก ถึงแม้ว่านายพงศ์เทพจะประกาศชัดเจนว่าพร้อมดูแลครูใต้ที่ขอย้าย แต่ รมว.ศึกษาธิการก็อยู่แค่ข้างบนไม่ได้รู้เรื่องอะไรจริง อำนาจในการขอย้ายอยู่ที่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ข้าราชการในพื้นที่เป็นคนกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการย้าย ซึ่งถ้าไม่ใช่เด็กเส้นของนักการเมืองแล้วก็ไม่มีทางขอย้ายสำเร็จ นอกจากจะต้องจ่ายเงิน ซึ่งมีการให้ข้อมูลว่า สำหรับการขอย้ายข้ามพื้นที่จะต้องจ่ายเงินกิโลละ 1 แสนบาท ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้ย้าย ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมครูให้ขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน” นายมงคลกิตติ์กล่าว