แพทย์เผยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุภูมิคุ้มกันลดลง เสี่ยงป่วยโรคติดเชื้อมากขึ้น เหตุไม่ฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะเข้าใจผิดเป็นเรื่องของเด็กเล็ก ประกอบกับกลัวเจ็บและมีค่าใช้จ่าย ด้านราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ จัดทำคำแนะนำการให้วัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ หวังลดการติดเชื้อ ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซอยศูนย์วิจัย ศ.นพ.เกรียง ตั้งสง่า ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวในการแถลงข่าว “สูตรสำเร็จการลดการเจ็บป่วย ฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ” ว่า สาเหตุของการเจ็บป่วยในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากการติดเชื้อโรค อาทิ เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ ซึ่งการติดเชื้อบางอย่างสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนจะฉีดเฉพาะในเด็กเล็กเท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องฉีดในผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะจากการสำรวจผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาล พบว่า มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เข้ารับบริการมากถึง 9 แสนรายต่อปี เป็นผู้ใหญ่ร้อยละ 15 หรือประมาณ 140,000 รายต่อปี พบมากในช่วงอายุ 35-45 ปี ซึ่งบางรายมีอาการรุนแรงและมีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วยคือ ปวดอักเสบหรือปอดบวม ร้อยละ 11 และ 1 ใน 3 เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ดังนั้น ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ จึงร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและสมาคมวิชาชีพต่างๆ จัดทำ “คำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ” เพื่อเป็ยการสนับสนุนและส่งเสริมการป้องกันโรคด้วยวัคซีนแก่กลุ่มประชากรที่มีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม
ศ.นพ.สมิง เก่าเจริญ ประธานคณะกรรมการจัดทำแนวทางการดูแลรักษา ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อลดการติดเชื้อ ไม่เพียงเฉพาะในเด็กเล็กเท่านั้น แต่ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุก็มีความจำเป็น เนื่องจากภูมิคุ้มกันร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันอัตราการเกิดโรคและตายได้มากเกือบถึง 100% อาทิ คอตีบ บาดทะยัก เป็นต้น สำหรับคำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ 1.ผู้ใหญ่ช่วงต้น (อายุ 18-26 ปี) ควรฉีดวัคซีนบาดทะยักและคอตีบทุก 10 ปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุก 1 ปี หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน 1 เข็ม วัคซีนเอชพีวี ฉีดตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น และวัคซีนตับอักเสบบี ซึ่งต้องมีการตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด
ศ.นพ.สมิง กล่าวอีกว่า 2.กลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 27-65 ปี) ควรฉีดวัคซีนบาดทะยักและคอตีบทุก 10 ปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี และวัคซีนตับอักเสบบี 3.กลุ่มผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี) ควรฉีดวัคซีนบาดทะยักและคอตีบทุก 10 ปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันนิวโมคอคคัส (วัคซีนป้องกันการติดเชื้อรุนแรงในผู้ป่วยโรคปอด) ทุกปี และ 4.กลุ่มผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี รวมไปถึงวัคซีนตับอักเสบบีและวัคซีนป้องกันนิวโมคอคคัส
“ทุกวันนี้ผู้ใหญ่มารับการฉีดวัคซีนน้อย เพราะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวัคซีน รวมไปถึงกลัวเจ็บ กลัวอาการข้างเคียง และกลัวค่าใช้จ่าย ซึ่งวัคซีนแต่ละชนิดจะมีราคาแตกต่างกันไปตั้งหลักร้อยถึงพัน แต่รัฐบาลยังไม่มีการสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนฟรีในผู้ใหญ่ ส่วนตัวมองว่าเมื่อเทียบประสิทธิภาพการป้องกันโรคแล้วถือว่าคุ้มค่า จึงควรมีการณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น เพื่อลดการติดเชื้อหรือลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล” ศ.นพ.สมิง กล่าว