สธ.กำชับทุกหน่วยงานรับมือหน้าหนาว ดูแลกลุ่มเสี่ยง เด็กต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง เป็นพิเศษ
วันนี้ (26 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน มหกรรมรวมพลังสัญจร ครั้งที่ 2 “รวมใจป้องกันโรคในช่วงอากาศเปลี่ยน ปลายฝนต้นหนาว” ว่า การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของงานพัฒนาสุขภาพชุมชนที่ สธ.ให้ความสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในการดูแลเพื่อการมีสุขภาวะที่ดี โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่จะพบโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ 4 โรคสำคัญ อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด และอีกสุกอีใส
นายวิทยา กล่าวว่า ในการป้องกันโรคติดต่อไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้างช่วงอากาศเปลี่ยนนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ใน สธ.โดยเฉพาะกรมควบคุมโรค (คร.) คอยควบคุมดูแลในรื่องนี้ พร้อมกำชับให้ดูแลกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยง่ายและมีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งเมื่อป่วยแล้วจะมีอาการหนักกว่ารายอื่นอื่น ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน หอบหืด ปอดเรื้อรัง ตับ ไต โลหิตจาง หัวใจและหลอดเลือด
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา พบว่า ในช่วงฤดูหนาวปี 2554-2555 มีผู้ป่วย 4 โรคสำคัญทั้งสิ้น 50,535 ราย แยกเป็นปอดปวม 33,440 ราย อีสุกอีใส 11,562 ราย ไข้หวัดใหญ่ 5,091 ราย และหัด 442 ราย โดยในปีนี้ภาคเหนือและภาคอีสาน คาดว่า ปลายเดือน พ.ย.จะเริ่มหนาว ดังนั้น ควรเตรียมความพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวได้แล้ว เนื่องจากจะหนาวก่อนภาคอื่น ทั้งนี้ ตนยังห่วงโรคคอตีบ โดยเฉพาะคนที่เดินทางติดต่อกับแนวชายแดน เนื่องจากพบว่าหลายคนป่วยเพราะติดจากชาวเขาที่อาศัยตามแนวตะเข็บชายแดน ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนในจังหวัดที่พบการป่วยโรคคอตีบ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรีบไปฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ไม่ต้องตกใจ แต่ควรดูแลเรื่องความสะอาดและการกินที่ถูกสุขลักษณะ