สปสช.เผย ประชาชนกลุ่มเสี่ยงรับบริการฉีดวัคซีนหวัดใหญ่แล้วกว่า 8 แสนราย ใน 7 สัปดาห์ พบ เพชรบุรี ใช้บริการมากสุด มั่นใจอีก 11 สัปดาห์สามารถฉีดกลุ่มเป้าหมายได้ครบจำนวนที่ตั้งไว้
นายแพทย์ วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงสาธารณสุข สปสช. และองค์การเภสัชกรรม จัดโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2555 ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่ม ฟรี ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรคทุกกลุ่มอายุและทุกสิทธิ ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือด สมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และเบาหวาน 2.ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไปทุกคน รวม ทั้งหมด 3,100,000 คน ซึ่งได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นจากปี 2554 จำนวน 1 ล้านคน โดยเริ่มดำเนินการ 4 เดือนตั้งแต่มิถุนายน-กันยายน 2555
นายแพทย์ วินัย กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-14 กรกฎาคม 2555 หรือ 7 สัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มโครงการสามารถให้บริการประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ 886,548 ราย หรือร้อยละ 34.58 แบ่งเป็น กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค 638,700 ราย ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 247,848 ราย อื่นๆ 42,754 ราย โดยจังหวัดที่มีรายงานผลการให้บริการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ จ.เพชรบุรี จากกลุ่มเป้าหมาย 14,383 ราย สามารถให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้ว 9,327 ราย หรือร้อยละ 64.85 จ.หนองบัวลำภู จากกลุ่มเป้าหมาย 24,813 รายให้บริการฉีดวัคซีน 16,055 ราย หรือร้อยละ 64.70 และ จ.ชุมพร จากกลุ่มเป้าหมาย 20,489 ราย ให้บริการฉีดวัคซีน 12,442 ราย หรือร้อยละ 60.73
“ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ได้จากลงบันทึกของหน่วยบริการเข้ามาที่ สปสช.แต่คาดว่า ผลการดำเนินการจริงจะมากกว่านี้ เพราะยังมีข้อมูลจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงบันทึกของหน่วยบริการ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ของการให้บริการ และเหลือเวลาอีกเกือบ 3 เดือนในการดำเนินการให้ครบตามกลุ่มเป้าหมาย” เลขาธิการ สปสช.กล่าว
นายแพทย์ วินัย กล่าวอีกว่า ในช่วงระยะเวลาที่เหลือ หรืออีกประมาณ 11 สัปดาห์ จะสามารถให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ เพื่อลดการเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะที่ภาครัฐก็ลดภาระการรักษาพยาบาลลงได้เช่นกัน ทั้งนี้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดในปีนี้ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 (A H1N1) ชนิดเอ เอช3เอ็น2 (A H3N2) และชนิดบี (B)
