xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ยันหวัดใหญ่ไม่ระบาดแรง เชื่อเอาอยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.เผย คนไทยป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.36% พบลำปางป่วยมากสุด แต่มั่นใจควบคุมสถานการณ์โรคได้ คาด จะมีผู้ติดเชื้อเพียง 1-4 ล้านคนเท่านั้น ด้านวัคซีนกว่า 3 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเสี่ยงแล้ว 1.7 แสนราย แนะล้างมือบ่อยๆ ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย  
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สาธิตการล้างมือ
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จำนวน 42 ราย ที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ที่ไม่ร้ายแรง โดย สธ.ได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมสถานการณ์ของโรคไว้ได้แล้ว จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวการแพร่ระบาดดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่า ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ คือ มีการตรวจพบผู้ป่วยเพียง 3-4 รายจากที่มาตรวจรักษาทั้งหมด 100 คน แต่หากตรวจพบโรคไข้หวัดใหญ่เกิน 10 คน จากทั้งหมด 100 คน แสดงว่า น่าจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ แล้ว  

นายวิทยา กล่าวอีกว่า เมื่อเทียบช่วงเวลา 6 เดือนแรก ระหว่างปี 2555 กับปี 2554 พบว่า ปีนี้มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.36 โดยรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 18 มิถุนายน 2555 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศรวม 13,284 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 20.91 ต่อแสนประชากร ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 25-34 ปี คิดเป็นอัตรา 11.53% จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ลำปาง สงขลา ภูเก็ต อุตรดิตถ์ และพังงา

นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์การระบาดปีนี้ ไม่น่าจะรุนแรง เพราะในช่วงฤดูฝนถือเป็นช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/2009 H1N1 กลายเป็นหนึ่งในเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไม่ได้ทำให้เกิดอาการรุนแรงมากเหมือนในปีแรกๆ คาด จะมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1-4 ล้านคน และมีอาการรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาประมาณ 5-6 หมื่นคน  

“อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นหวัด โดยการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ซึ่งการล้างมือบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการนำเชื้อโรคมาสู่เรา จากการสัมผัสเชื้อแล้วเข้าจมูก ตา ปาก และเมื่อไอ จาม ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษทิชชูปิดปาก ปิดจมูก และถ้าป่วยเป็นไข้หวัดแล้ว คือ มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ถ้าพักผ่อนแล้ว 48 ชั่วโมงอาการไม่ดีขึ้น ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาต่อไป แต่ในกรณีกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ถ้าป่วยให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที และต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ไปอยู่ในชุมชน แต่ที่ดีที่สุดคือป่วยแล้วควรอยู่บ้าน ไม่ไปทำงาน ไม่ไปโรงเรียน เพื่อไม่ให้กระจายเชื้อให้ผู้อื่นซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก” รมว.สธ.กล่าว

ด้าน นายแพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ผู้ที่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ เพราะเมื่อติดเชื้อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว จะมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ จึงขอให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ จนถึงขณะนี้ได้เตรียมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไว้แล้วจำนวน 3 ล้านโดส โดยใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการดำเนินงานจัดหาวัคซีนดังกล่าว ให้แก่กลุ่มเสี่ยงฉีดคนละ 1 โดส ถ้าฉีดวัคซีนให้กับคน 100 คน จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่า 70 คน ส่วนอีกประมาณ 30 คน ถ้าเป็นก็จะไม่รุนแรง ขณะนี้มีผู้ฉีดไปแล้วกว่า 177,000 คน  

“การดำเนินงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เช่น โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในสำนักงานต่างๆ ในสถานที่ที่เป็นห้องปรับอากาศ โรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานสาธารณสุข และจากประชาชนในการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคร่วมกัน ดังนั้น ประชาชนที่อยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างแออัด มีคนหมู่มากอยู่รวมกัน การถ่ายเทอากาศไม่สะดวก เช่น ชุมชน วัด โรงเรียน ฯลฯ แล้วพบผู้ป่วยต้องสงสัยว่า มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และเกรงว่า จะควบคุมการระบาดของโรคไม่ได้ ให้แจ้งทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยงานสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ที่สุด หรือแจ้งเข้ามาที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าไปควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่ไม่ให้เกิดการระบาดขึ้น” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น