เลย - โรคคอตีบหวนกลับมาระบาดอำเภอด่านซ้าย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เผยพบผู้ป่วยในพื้นที่ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 38 ด้านอำเภอระดมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและปูพรมฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอายุ 25-40 ปี
จากสถานการณ์โรคคอตีบระบาดในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย ภายหลังแพทย์หญิงศศิธร ตั้งสวัสดิ์ จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคคอตีบที่อำเภอด่านซ้าย 3 ตำบล และประชุมหาทางแก้ไขควบคุมโรคกับทางนายแพทย์ภักดี สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย พร้อมคณะแพทย์และพยาบาล
ทั้งนี้ จังหวัดเลยพบโรคคอตีบครั้งสุดท้ายในพื้นที่เมื่อปี 2538 ขณะนี้พบผู้ป่วยเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายแล้ว 4 ราย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ขณะนี้ทางอำเภอด่านซ้ายได้ระดมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าพื้นที่เพื่อเฝ้าระวัง พร้อมฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่มีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไปจนถึง 40 ปีโดยประมาณ
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้นเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลพระยุพราช คนที่ 1 เป็นชาวม้ง อายุ 40 ปี จากตำบลกกสะทอน คนที่ 2 อายุ 25 ปี จากตำบลด่านซ้าย สำหรับคนที่ 3 กำลังรักษาและอาการดีขึ้น ส่วนคนที่ 4 นั้นอยู่ในขั้นการเฝ้าระวังโรค
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และคณะแพทย์ได้ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่ อำเภอด่านซ้ายทั้งอำเภอ โดยเฉพาะตำบลที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตและป่วย และเฝ้าติดตามผู้ป่วยในพื้นที่ที่เป็นชาวม้ง เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีการฉีดวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมโรคเพียงพอ และส่วนหนึ่งคือแรงงานต่างด้าว เนื่องจากอำเภอด่านซ้ายมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาทำงานในอำเภอด่านซ้ายจำนวนไม่น้อย
นายแพทย์ภักดี สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคดังกล่าวสามารถควบคุมโรคได้แล้ว และขณะนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ร่วมกับสาธารณสุขลงพื้นที่ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ 1 ตำบล คือตำบลอีปุ่ม ในวันนี้ (18 ก.ค.) ให้ชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่อายุ 20-45 ปีทั้งหมด 5 หมู่บ้าน หลายพันคนเพื่อเป็นการป้องกัน โดยแต่ละคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนคนละ 2-3 เข็มเพื่อสร้างภูมิต้านทานป้องกัน ส่วนเด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปีได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เด็ก
ส่วนผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนจะมีภูมิต้านทานในร่างกายที่สร้างขึ้นมาเองเพื่อป้องกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากรายไหนมีอาการบ่งชี้ถึงโรคดังกล่าวให้รีบมาพบแพทย์ทันที อย่ารอให้มีอาการหนัก
สำหรับความพร้อมของวัคซีนนั้น ขณะนี้ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายได้เตรียมวัคซีนไว้อย่างเพียงพอ โดยได้วัคซีนมาจากโรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศเตรียมที่จะฉีดให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงทุกคน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้วัคซีนรองรับคนประมาณ 200,000 ราย
จากสถานการณ์โรคคอตีบระบาดในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย ภายหลังแพทย์หญิงศศิธร ตั้งสวัสดิ์ จากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคคอตีบที่อำเภอด่านซ้าย 3 ตำบล และประชุมหาทางแก้ไขควบคุมโรคกับทางนายแพทย์ภักดี สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย พร้อมคณะแพทย์และพยาบาล
ทั้งนี้ จังหวัดเลยพบโรคคอตีบครั้งสุดท้ายในพื้นที่เมื่อปี 2538 ขณะนี้พบผู้ป่วยเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายแล้ว 4 ราย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ขณะนี้ทางอำเภอด่านซ้ายได้ระดมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าพื้นที่เพื่อเฝ้าระวัง พร้อมฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่มีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไปจนถึง 40 ปีโดยประมาณ
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้นเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลพระยุพราช คนที่ 1 เป็นชาวม้ง อายุ 40 ปี จากตำบลกกสะทอน คนที่ 2 อายุ 25 ปี จากตำบลด่านซ้าย สำหรับคนที่ 3 กำลังรักษาและอาการดีขึ้น ส่วนคนที่ 4 นั้นอยู่ในขั้นการเฝ้าระวังโรค
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และคณะแพทย์ได้ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่ อำเภอด่านซ้ายทั้งอำเภอ โดยเฉพาะตำบลที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตและป่วย และเฝ้าติดตามผู้ป่วยในพื้นที่ที่เป็นชาวม้ง เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีการฉีดวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมโรคเพียงพอ และส่วนหนึ่งคือแรงงานต่างด้าว เนื่องจากอำเภอด่านซ้ายมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาทำงานในอำเภอด่านซ้ายจำนวนไม่น้อย
นายแพทย์ภักดี สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคดังกล่าวสามารถควบคุมโรคได้แล้ว และขณะนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ร่วมกับสาธารณสุขลงพื้นที่ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ 1 ตำบล คือตำบลอีปุ่ม ในวันนี้ (18 ก.ค.) ให้ชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่อายุ 20-45 ปีทั้งหมด 5 หมู่บ้าน หลายพันคนเพื่อเป็นการป้องกัน โดยแต่ละคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนคนละ 2-3 เข็มเพื่อสร้างภูมิต้านทานป้องกัน ส่วนเด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปีได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เด็ก
ส่วนผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนจะมีภูมิต้านทานในร่างกายที่สร้างขึ้นมาเองเพื่อป้องกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากรายไหนมีอาการบ่งชี้ถึงโรคดังกล่าวให้รีบมาพบแพทย์ทันที อย่ารอให้มีอาการหนัก
สำหรับความพร้อมของวัคซีนนั้น ขณะนี้ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายได้เตรียมวัคซีนไว้อย่างเพียงพอ โดยได้วัคซีนมาจากโรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศเตรียมที่จะฉีดให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงทุกคน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้วัคซีนรองรับคนประมาณ 200,000 ราย
