สธ.เตือนผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระวังโรคปอดบวมในช่วงฤดูฝน หากป่วยเป็นไข้หวัด 3 วันแล้วไข้ยังไม่ลงและไอถี่ หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสี ขอให้รีบพบแพทย์ ผลการเฝ้าระวังในรอบ 6 เดือนปีนี้ ทั่วประเทศ พบผู้ป่วย 78,571 คน เสียชีวิต 541 คน ร้อยละ 62 เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนาบทบาทอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชน ประจำปี 2555 ที่ หอประชุมโรงเรียนบึงกาฬ โดยมี อสม.เข้าร่วมกว่า 2,000 คน หลังจากนั้น เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบึงกาฬ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 250 เตียงประจำ จ.บึงกาฬ
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน คาดการณ์ว่า ปีนี้ฝนจะตกชุกกว่าปกติ อากาศมีความชื้นสูง อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงอยู่แล้ว โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจได้ง่าย ที่น่าห่วงก็คือ โรคปอดบวม มักพบมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งโรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโรคติดเชื้อทั้งหมด โดยพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในปีนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม-25 มิถุนายน 2555 ทั่วประเทศ มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวม 78,571 คน เสียชีวิต 541 คน ส่วนใหญ่คือร้อยละ 62 เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ประชาชน ระมัดระวังโรคหน้าฝน ขณะเดียวกัน ในปีนี้ได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ให้กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง คนอ้วนน้ำหนักตัว 100 กิโลกรัมขึ้นไป ผู้พิการ จำนวน 3.55 ล้านคน ได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป
ด้าน นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อ 49 โรค จากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ในรอบ 6 เดือนปีนี้ มีผู้เสียชีวิต 694 ราย โดยพบว่า โรคปอดบวมเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 78 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก มักจะเกิดตามหลังป่วยโรคไข้หวัด 3 วัน สังเกตง่ายๆ คือ ไข้ไม่ลง ไอมาก หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีใส เป็นสีขุ่นข้นเขียว ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวมได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ขอให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆ จะน้อยลง
สำหรับการป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคปอดบวม ต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ในผักและผลไม้จะมีวิตามินซี สร้างภูมิต้านทานโรคได้ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีและใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย และใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ถ้าเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนแออัด หมั่นล้างมือให้สะอาดภายหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ป่วย กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยโรคปอดบวม ได้แก่ เด็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอายุอื่น รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน มะเร็ง ไตวาย เป็นต้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 สามารถรับบริการได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ฟรี