“วิทยา” ยันคุมโรคคอตีบ ใน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้แล้ว แนะพาเด็กฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่ สธ.กำหนด ด้าน อธิบดี คร.แนะ ประชาชนต้องป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น หากพบอาการป่วยคล้ายอาการโรคคอตีบให้รีบพบแพทย์ทันที ด้าน สสจ.เลย เผย ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร้วเข้าพื้นที่แล้ว ไม่พบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม
![ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/555000009307401.JPEG)
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยโรคคอตีบ ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ได้กำชับให้กรมควบคุมโรค (คร.) ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ร่วมกับทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เลย และสำนักงานควบคุมโรคเขต เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคคอตีบ โดยเร็วที่สุด โดยได้รับรายงานจาก สสจ.เลย ว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยทั้งหมด 4 ราย เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ของ อ.ด่านซ้าย 3 ตำบลใน 4 หมู่บ้าน ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า โรคคอตีบเป็นโรคเดิมที่พบมานาน แต่ไม่บ่อย และประเทศไทยสามารถควบคุมได้ เนื่องจากมีวัคซีนป้องกันโรคบรรจุอยู่ในชุดวัคซีนพื้นฐาน ฉีดให้เด็กไทยทุกคนฟรี ตั้งแต่อายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน และกระตุ้นอีก 3 ครั้งเมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง 4 ปี และ 12 ปี หรือกำลังเรียนชั้น ป.6 อย่างไรก็ตาม โรคคอตีบมีโอกาสเกิดได้ในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้พาเด็กไปรับการฉีดวัคซีนตามที่ สธ.กำหนด และต้องฉีดให้ครบตามจำนวน ซึ่งจะมีผลป้องกันไม่ให้ป่วยจากโรคนี้ หากเลยเวลานัดขอให้พาไปปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ทั้งนี้ ได้กำชับให้ สสจ.ทั่วประเทศ ตรวจสอบความครอบคลุมการได้รับวัคซีนพื้นฐานให้ได้ 100%
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคคอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินทายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อ ว่า คอรีนแบคทีเรียม ดิพทีเรีย (Corynebacterium Diphtheria) เชื้อโรคจะอยู่ในลำคอของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา และติดต่อทางการไอจาม อาการป่วยจะปรากฏหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน โดยจะมีไข้ต่ำๆ คล้ายไข้หวัด และมีไอเสียงก้อง เจ็บคอ เบื่ออาหาร กลืนลำบาก ลักษณะพิเศษคือ จะมีแผ่นเยื่อสีขาวปนเทาติดแน่นที่ทอนซิลทั้ง 2 ข้าง และลิ้นไก่ ซึ่งเป็นผลมาจากเนื้อเยื่อถูกทำลายจากพิษเชื้อโรค ทำให้เนื้อตาย ในรายที่มีอาการรุนแรง จะทำให้ทางเดินหายใจตีบตัน หายใจลำบาก กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และปลายประสาทอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต อาจเสียชีวิตได้
นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า การป้องกันโรคคอตีบ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ขอให้ป้องกันตัวเอง โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีคนแออัดหนาแน่น ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ หากป่วยเป็นไข้หวัดให้คาดหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปติดคนอื่น ส่วนผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วย ขอให้นำข้าวของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เช่น แก้วน้ำ จาน ช้อน ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ทำความสะอาดโดยซัก ล้าง และนำไปต้มฆ่าเชื้อโรค แต่หากประชาชนที่มีอาการป่วยดังกล่าว ขอให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะป้องกันการเสียชีวิตได้ เนื่องจากโรงพยาบาลทุกแห่ง มียาปฏิชีวนะรักษาและใช้ได้ผลดี
นพ.วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย กล่าวว่า พื้นที่อำเภอด่านซ้าย ที่พบผู้ป่วยมี 3 ตำบล ใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ด่านซ้าย พบที่หมู่ 1 ต.กกสะท้อน พบที่หมู่ 6 หมู่ 7 และ ต.อีปุ่ม พบที่หมู่ 9 ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วได้เข้าควบคุมการแพร่ระบาดทุกพื้นที่แล้ว มีการระดมให้วัคซีนในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 15-45 ปี ส่วนในกลุ่มเด็กแรกเกิด-15 ปี ให้ตรวจสอบประวัติการให้วัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัส 3 กลุ่ม ได้แก่ สมาชิกในบ้าน ประชาชนในชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่ให้การดูแลรักษาผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย และเฝ้าระวังอาการไข้เป็นเวลา 15 วัน หากพบให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายซึ่งจัดห้องแยกไว้เป็นการเฉพาะ ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม และให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและ อสม.ค้นหาผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอทุกวัน หากพบอาการน่าสงสัยให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเลย เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมด้านการรักษา และตรวจสอบการให้วัคซีนป้องกันคอตีบให้ได้ 100%
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยโรคคอตีบ ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ได้กำชับให้กรมควบคุมโรค (คร.) ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ร่วมกับทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เลย และสำนักงานควบคุมโรคเขต เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคคอตีบ โดยเร็วที่สุด โดยได้รับรายงานจาก สสจ.เลย ว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยทั้งหมด 4 ราย เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ของ อ.ด่านซ้าย 3 ตำบลใน 4 หมู่บ้าน ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า โรคคอตีบเป็นโรคเดิมที่พบมานาน แต่ไม่บ่อย และประเทศไทยสามารถควบคุมได้ เนื่องจากมีวัคซีนป้องกันโรคบรรจุอยู่ในชุดวัคซีนพื้นฐาน ฉีดให้เด็กไทยทุกคนฟรี ตั้งแต่อายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน และกระตุ้นอีก 3 ครั้งเมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง 4 ปี และ 12 ปี หรือกำลังเรียนชั้น ป.6 อย่างไรก็ตาม โรคคอตีบมีโอกาสเกิดได้ในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้พาเด็กไปรับการฉีดวัคซีนตามที่ สธ.กำหนด และต้องฉีดให้ครบตามจำนวน ซึ่งจะมีผลป้องกันไม่ให้ป่วยจากโรคนี้ หากเลยเวลานัดขอให้พาไปปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ทั้งนี้ ได้กำชับให้ สสจ.ทั่วประเทศ ตรวจสอบความครอบคลุมการได้รับวัคซีนพื้นฐานให้ได้ 100%
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคคอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินทายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อ ว่า คอรีนแบคทีเรียม ดิพทีเรีย (Corynebacterium Diphtheria) เชื้อโรคจะอยู่ในลำคอของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา และติดต่อทางการไอจาม อาการป่วยจะปรากฏหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน โดยจะมีไข้ต่ำๆ คล้ายไข้หวัด และมีไอเสียงก้อง เจ็บคอ เบื่ออาหาร กลืนลำบาก ลักษณะพิเศษคือ จะมีแผ่นเยื่อสีขาวปนเทาติดแน่นที่ทอนซิลทั้ง 2 ข้าง และลิ้นไก่ ซึ่งเป็นผลมาจากเนื้อเยื่อถูกทำลายจากพิษเชื้อโรค ทำให้เนื้อตาย ในรายที่มีอาการรุนแรง จะทำให้ทางเดินหายใจตีบตัน หายใจลำบาก กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และปลายประสาทอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต อาจเสียชีวิตได้
นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า การป้องกันโรคคอตีบ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ขอให้ป้องกันตัวเอง โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีคนแออัดหนาแน่น ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ หากป่วยเป็นไข้หวัดให้คาดหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปติดคนอื่น ส่วนผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วย ขอให้นำข้าวของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เช่น แก้วน้ำ จาน ช้อน ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ทำความสะอาดโดยซัก ล้าง และนำไปต้มฆ่าเชื้อโรค แต่หากประชาชนที่มีอาการป่วยดังกล่าว ขอให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะป้องกันการเสียชีวิตได้ เนื่องจากโรงพยาบาลทุกแห่ง มียาปฏิชีวนะรักษาและใช้ได้ผลดี
นพ.วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย กล่าวว่า พื้นที่อำเภอด่านซ้าย ที่พบผู้ป่วยมี 3 ตำบล ใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ด่านซ้าย พบที่หมู่ 1 ต.กกสะท้อน พบที่หมู่ 6 หมู่ 7 และ ต.อีปุ่ม พบที่หมู่ 9 ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วได้เข้าควบคุมการแพร่ระบาดทุกพื้นที่แล้ว มีการระดมให้วัคซีนในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 15-45 ปี ส่วนในกลุ่มเด็กแรกเกิด-15 ปี ให้ตรวจสอบประวัติการให้วัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัส 3 กลุ่ม ได้แก่ สมาชิกในบ้าน ประชาชนในชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่ให้การดูแลรักษาผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย และเฝ้าระวังอาการไข้เป็นเวลา 15 วัน หากพบให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายซึ่งจัดห้องแยกไว้เป็นการเฉพาะ ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม และให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและ อสม.ค้นหาผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอทุกวัน หากพบอาการน่าสงสัยให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเลย เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมด้านการรักษา และตรวจสอบการให้วัคซีนป้องกันคอตีบให้ได้ 100%