สธ.เผยผลตรวจอาหารทั่วประเทศ พบสารปนเปื้อน ทั้ง บอแรกซ์ ฟอกขาว ฟอร์มาลิน ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย 6% เป็นผักและผลไม้เกือบ 3% “ผักคะน้า-พริกสด-กวางตุ้ง” ติดอันดับเจอสารตกค้างมากสุด ส่วนใหญ่พบในตลาดสด แผงลอย ตลาดค้าส่ง และตลาดนัด สั่งทุกจังหวัดจับตา และสาวถึงแหล่งผลิต
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลผลการตรวจตัวอย่างอาหารของสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย สธ.ณ สถานที่ผลิตและจำหน่ายอาหารทั่วประเทศ ในปี 2555 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้เก็บตัวอย่างอาหารทั้งหมด 403,637 ตัวอย่าง พบว่า อาหารมีสารปนเปื้อน เช่น บอแรกซ์ สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน สารเร่งเนื้อแดง สารกันรา จุลินทรีย์ก่อโรค เกินค่าความปลอดภัยรวมทั้งสิ้น 26,711 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 6 ในจำนวนนี้เป็นประเภทผักสดและผลไม้ ที่เก็บตัวอย่างจากแหล่งจำหน่าย เช่น ตลาดค้าส่ง ตลาดนัด ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ร้านชำ รถเร่ และแหล่งปรุงอาหาร ทั้งโรงอาหารโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ขณะที่สถานที่ผลิตและแหล่งเพาะปลูก มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในปริมาณที่ไม่ปลอดภัยจำนวน 1,725 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 2.76 จากตัวอย่างที่เก็บตรวจทั้งหมด 62,397 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่พบในตลาดสด ร้อยละ 63 รองลงมาคือ แผงลอย ร้อยละ 11 ตลาดค้าส่ง ร้อยละ 7 ตลาดนัด ร้อยละ 3.4 รถเร่ ร้อยละ 3 ซึ่งผักที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างมากที่สุด ได้แก่ 1.ผักคะน้า 2.พริกสด 3.ผักกวางตุ้ง 4.ผักบุ้งและกะหล่ำปลี และ 5.แตงกวา
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2556 สธ.จะเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ทุกจังหวัดเพิ่มความถี่การตรวจเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหาร ที่วางจำหน่ายในตลาดทุกประเภท หากพบสารปนเปื้อนให้สาวถึงแหล่งผลิต เพื่อปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตลาดจำหน่ายอาหารทุกประเภทให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะตลาดสด ซึ่งทั่วประเทศมี 1,550 แห่ง จะเร่งพัฒนาให้ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องความสะอาด การคุ้มครองผู้บริโภค และความปลอดภัยอาหาร ต้องไม่พบสารห้ามใช้ปนเปื้อนในอาหาร ได้แก่ สารบอแรกซ์ สารฟอร์มาลิน สารฟอกขาว สารกันรา สารเร่งเนื้อแดง ส่วนสารกำจัดศัตรูพืชต้องไม่เกินเกณฑ์ความปลอดภัย ผลการดำเนินงานในปี 2555 มีตลาดสดผ่านเกณฑ์มาตรฐานเป็นตลาดสดน่าซื้อแล้ว 1,328 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 86
“การรับประทานผักผลไม้ให้ได้คุณค่าทางอาหารมากที่สุดคือ กินสด โดยกินผักมื้อละ 2 ทัพพี และผลไม้ 1 ส่วน เช่น ส้ม 1-2 ผล เป็นต้น หากซื้อมาแล้วยังไม่รับประทานให้ใช้กระดาษห่อแล้วเก็บในตู้เย็น แต่ไม่ควรเก็บไว้หลายวัน เนื่องจากวิตามินต่างๆ จะเสื่อมสลายไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ คือ ต้องล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน โดยมีวิธีดังนี้ 1.ปล่อยให้น้ำไหลผ่านประมาณ 2 นาที 2.แช่ในน้ำละลายเกลือแกงในอัตราส่วนเกลือ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร และ 3.แช่ในน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู อัตราส่วนน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยต่อน้ำ4 ลิตร” รมช.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลผลการตรวจตัวอย่างอาหารของสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย สธ.ณ สถานที่ผลิตและจำหน่ายอาหารทั่วประเทศ ในปี 2555 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้เก็บตัวอย่างอาหารทั้งหมด 403,637 ตัวอย่าง พบว่า อาหารมีสารปนเปื้อน เช่น บอแรกซ์ สารฟอกขาว ฟอร์มาลิน สารเร่งเนื้อแดง สารกันรา จุลินทรีย์ก่อโรค เกินค่าความปลอดภัยรวมทั้งสิ้น 26,711 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 6 ในจำนวนนี้เป็นประเภทผักสดและผลไม้ ที่เก็บตัวอย่างจากแหล่งจำหน่าย เช่น ตลาดค้าส่ง ตลาดนัด ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ร้านชำ รถเร่ และแหล่งปรุงอาหาร ทั้งโรงอาหารโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ขณะที่สถานที่ผลิตและแหล่งเพาะปลูก มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในปริมาณที่ไม่ปลอดภัยจำนวน 1,725 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 2.76 จากตัวอย่างที่เก็บตรวจทั้งหมด 62,397 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่พบในตลาดสด ร้อยละ 63 รองลงมาคือ แผงลอย ร้อยละ 11 ตลาดค้าส่ง ร้อยละ 7 ตลาดนัด ร้อยละ 3.4 รถเร่ ร้อยละ 3 ซึ่งผักที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างมากที่สุด ได้แก่ 1.ผักคะน้า 2.พริกสด 3.ผักกวางตุ้ง 4.ผักบุ้งและกะหล่ำปลี และ 5.แตงกวา
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2556 สธ.จะเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ทุกจังหวัดเพิ่มความถี่การตรวจเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหาร ที่วางจำหน่ายในตลาดทุกประเภท หากพบสารปนเปื้อนให้สาวถึงแหล่งผลิต เพื่อปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตลาดจำหน่ายอาหารทุกประเภทให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะตลาดสด ซึ่งทั่วประเทศมี 1,550 แห่ง จะเร่งพัฒนาให้ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องความสะอาด การคุ้มครองผู้บริโภค และความปลอดภัยอาหาร ต้องไม่พบสารห้ามใช้ปนเปื้อนในอาหาร ได้แก่ สารบอแรกซ์ สารฟอร์มาลิน สารฟอกขาว สารกันรา สารเร่งเนื้อแดง ส่วนสารกำจัดศัตรูพืชต้องไม่เกินเกณฑ์ความปลอดภัย ผลการดำเนินงานในปี 2555 มีตลาดสดผ่านเกณฑ์มาตรฐานเป็นตลาดสดน่าซื้อแล้ว 1,328 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 86
“การรับประทานผักผลไม้ให้ได้คุณค่าทางอาหารมากที่สุดคือ กินสด โดยกินผักมื้อละ 2 ทัพพี และผลไม้ 1 ส่วน เช่น ส้ม 1-2 ผล เป็นต้น หากซื้อมาแล้วยังไม่รับประทานให้ใช้กระดาษห่อแล้วเก็บในตู้เย็น แต่ไม่ควรเก็บไว้หลายวัน เนื่องจากวิตามินต่างๆ จะเสื่อมสลายไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ คือ ต้องล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน โดยมีวิธีดังนี้ 1.ปล่อยให้น้ำไหลผ่านประมาณ 2 นาที 2.แช่ในน้ำละลายเกลือแกงในอัตราส่วนเกลือ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร และ 3.แช่ในน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู อัตราส่วนน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยต่อน้ำ4 ลิตร” รมช.สาธารณสุข กล่าว