“สุชาติ” ฝากรัฐมนตรีใหม่สานต่อ 31 โครงการย้ำเปลี่ยน รมต.ไม่กระทบแจกแท็บเล็ต เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล ขณะที่ “ศักดา” ยังปล่อยเรื่องเอสพี 2 ฝากสานต่อเช่นกัน เล็งประสานส่งข้อมูลเอกสารทั้งหมดให้ ด้าน สพฐ.ชงข้อมูลจัดซื้อแท็บเล็ตทุกชั้นปีไว้เสนอรัฐมนตรีศึกษาใหม่
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ และนายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ ได้อำลาตำแหน่งรัฐมนตรี โดยมีข้าราชการพร้อมผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ศธ.มอบแจกันดอกไม้ และดอกกุหลาบในโอกาสอำลาตำแหน่ง
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ฝากให้ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ สานต่อ 31 นโยบายหลักด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะ 6 โครงการแรกซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างชาติใหม่ อาทิเช่น การปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ การเลื่อนวิทยฐานะโยกย้ายครูให้เป็นธรรม โครงการ One Tablet Per Child โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน เป็นต้น นอกจากนี้อยากให้เน้นเรื่องการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงาน
“ฝากให้ข้าราชการทุกคนทำงานตามอุดมการณ์ ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาจะดูแลประชาชนเหมือนคนในครอบครัว รัฐบาลที่ดีต้องไม่โกงประชาชน ไม่ทำร้ายประชาชน ประเทศไทยจะเจริญเติบโตกว่านี้อีกมาก ถ้าทุกคนทำงานอุดมการณ์นี้ ที่สำคัญ ต้องไม่มีการทุจริต ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ คนใหม่เป็นคนดีมาก เชื่อว่า จะทำงานพัฒนาประเทศไปได้ด้วยดี ” ศ.ดร.สุชาติ กล่าวและว่า ส่วนการการสอบทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ตามโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง หรือเอสพี 2 นั้น ขณะนี้ ได้ทำรายงานส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว รวบรวมข้อกล่าวหาทั้งหมดและคำชี้แจง โต้แย้งของแต่ละฝ่าย ซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และคาดว่า ป.ป.ช. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไปจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยน รมว.ศึกษาธิการ จะไม่มีผลกระทบกับโครงการจัดหาแท็บเล็ตให้นักเรียน เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี จึงต้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิกาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ได้สอบถามเกี่ยวกับโครงการ One Tablet Per Child และย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก ต้องการเร่งจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตให้นักเรียนครบทุกชั้นโดยเร็วที่สุด เพราะฉะนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องแท็บเล็ตให้นักเรียนทุกชั้นปี และทุกสังกัดไว้ชี้แจ้งกับรัฐมนตรีชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม แผนการจัดซื้อแท็บเล็ตประจำปีงบประมาณ 2556 ที่กำหนดจะจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกนักเรียน ป.1 และ ม.1 นั้น ไม่น่าจะเกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี
ด้าน นายศักดา ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับงานที่ยังดำเนินการไม่เสร็จและอยากให้รัฐมนตรีใหม่ 2 คนเข้ามาดำเนินการต่อนั้น คือ การตรวจสอบทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ตามโครงการเอสพี 2 ที่มีงบประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ ตนได้หารือในรายละเอียดกับ นายเสริมศักดิ์ มาบ้างแล้ว ขณะที่ นายพงศ์เทพ รมว.ศึกษาธิการ ก็เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย จึงเชื่อว่า จะสานต่อเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นเป็นนโยบายรัฐบาล ขณะที่ การทุจริตคอร์รัปชันต่อระบบการศึกษานั้น ถือเป็นความเสียหายรุนแรงมากที่สุด ที่ผ่านมา ตนเข้ามาทำงานและสะสางปัญหานี้แต่ก็ยังไม่จบ เพราะว่ามีบุคคลระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็มั่นใจว่าเรื่องที่ส่งไปยัง ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนสามารถเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดต่อประเทศเกี่ยวกับการศึกษาได้อย่างแน่นอน
“ตัวเลขที่สรุปส่งไปขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ส่วนงบประมาณอีเวนต์สรุปส่งไปแล้วประมาณ 50 กว่าล้านบาท โดยกรรมการสอบสวนได้สอบสวนในส่วนของอีเวนต์อีก 400 กว่าล้านบาท เสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้สรุปส่งให้ดีเอสไอ ดังนั้น หลังจากรัฐมนตรีใหม่ทั้งสองคนเข้าทำงานแล้ว ผมจะประสานเพื่อมอบเอกสารให้สานต่อในเรื่องดังกล่าวทันที เชื่อว่า เมื่อความจริงปรากฎต่อสังคม รัฐมนตรีใหม่จะต้องดำเนินการอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ผมเชื่อว่า เรื่องนี้คงไม่มีใครล้มล้างได้ แต่เสียดายอยู่ว่ายังไม่สามารถประเมินตัวเลขความเสียหายทั้งหมดได้” นายศักดา กล่าว