“สุชาติ” ดัน สสค.มีฐานะเป็นองค์การมหาชน สั่งเร่งทำโครงสร้างให้ชัดเจนควบคู่กับการยื่นขอจัดสรรงบประมาณจาก สสส.พร้อมมอบ ก.ค.ศ.พิจารณาผู้ได้รับรางวัลครูสอนดี สามารถขอวิทยฐานะใช้หลักเกณฑ์เชิงประจักษ์ได้หรือไม่ พร้อมมอบ
วันนี้ (8 ส.ค.) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ซึ่งมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เป็นประธานการประชุมแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ทาง สสค.ได้นำเสนอแผนงานการดำเนินงานในระยะต่อไป โดยใช้วงเงิน 450 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมเป็นแผนงานที่ดีที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพ แต่เนื่องจากสถานะของ สสค.นั้น เป็นเพียงคณะกรรมการไม่ได้สังกัดหน่วยงานใด และงบประมาณที่ได้รับมานั้นเป็นงบจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกำลังจะหมดลง ซึ่งผู้แทนจากสำนักงานประมาณ กระทรวงการคลังได้แนะนำว่า ให้ สสค.ทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อเสนอของบประมาณปี 2556 จาก สสส.ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้อภิปรายกันถึงสถานะของ สสค.ซึ่งยังไม่มีโครงสร้างชัดเจน และ รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่า สสค.ควรจะมีฐานะเป็นองค์การมหาชนจึงเห็นว่า สสค.ควรจะต้องเริ่มจัดทำระบบโครงสร้าง ซึ่งคงไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ 2556 แต่น่าจะดำเนินการได้ทันในปี 2557 เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำควบคู่ไปพร้อมกับเรื่องขอจัดสรรงบประมาณจาก สสส.
นอกจากนี้ ศธ.จะร่วมมือกับ สสค.เพื่อขยายผลโครงการครูสอนดี ที่ สสค.ได้ทำการคัดเลือกมากกว่า 10,000 คน และได้คัดเลือกครูจำนวน 549 คน เพื่อรับทุนทำงานต่อเนื่องระยะเวลา 18 เดือน คนละ 250,000 บาท ซึ่งครูที่ได้รับทุนส่วนใหญ่นั้นเป็นครูในสังกัด ศธ.ถึง 85% โดยจะให้สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) มาร่วมพัฒนาครูทุกคนที่ได้รับทุนและขอให้มีการขยายผลเพื่อไปพัฒนาผู้บริหารและศึกษานิเทศก์ด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการยังเสนอว่า รางวัลที่ครูได้รับนั้นเป็นผลงานดีเด่นน่าจะสามารถเสนอขอเลื่อนวิทยฐานะ โดยใช้หลักเกณฑ์วิทยฐานะเชิงประจักษ์ ว5(54) ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด รมว.ศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ ก.ค.ศ.ไปพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ด้าน ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ สสค.กล่าวว่า สสค.ได้นำเสนอแผนงานสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการทำงานหลักๆ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.แผนงานที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา เพราะขณะนี้ยังมีเด็กจำนวนมากในสังคมไทยที่ถูกมองข้ามเด็ก และหายจากระบบการศึกษาถึงครึ่งต่อครึ่ง เช่น ประชากรเกิด 1 ล้านคน เมื่อเข้าระบบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา 3 จะหายไป 2 แสนคน ขณะที่ ม.6 หายไป 3 แสนคน เป็นต้น ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งความยากจน การย้ายถิ่น การปรับตัวต่อการเรียนไม่ไหว หน้าที่ของ สสค.จึงต้องพยายามตรึงเด็กให้อยู่ในระบบการศึกษา 2.แผนงานการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา โดยนำระบบไอซีทีเข้ามาใช้เป็นทางเลือก 3.แผนงานด้านการสร้างเครือข่ายการจัดการศึกษา และ 4.แผนงานการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้รองรับการปฏิรูปการศึกษา
วันนี้ (8 ส.ค.) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ซึ่งมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เป็นประธานการประชุมแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ทาง สสค.ได้นำเสนอแผนงานการดำเนินงานในระยะต่อไป โดยใช้วงเงิน 450 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมเป็นแผนงานที่ดีที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพ แต่เนื่องจากสถานะของ สสค.นั้น เป็นเพียงคณะกรรมการไม่ได้สังกัดหน่วยงานใด และงบประมาณที่ได้รับมานั้นเป็นงบจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกำลังจะหมดลง ซึ่งผู้แทนจากสำนักงานประมาณ กระทรวงการคลังได้แนะนำว่า ให้ สสค.ทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อเสนอของบประมาณปี 2556 จาก สสส.ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้อภิปรายกันถึงสถานะของ สสค.ซึ่งยังไม่มีโครงสร้างชัดเจน และ รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่า สสค.ควรจะมีฐานะเป็นองค์การมหาชนจึงเห็นว่า สสค.ควรจะต้องเริ่มจัดทำระบบโครงสร้าง ซึ่งคงไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ 2556 แต่น่าจะดำเนินการได้ทันในปี 2557 เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำควบคู่ไปพร้อมกับเรื่องขอจัดสรรงบประมาณจาก สสส.
นอกจากนี้ ศธ.จะร่วมมือกับ สสค.เพื่อขยายผลโครงการครูสอนดี ที่ สสค.ได้ทำการคัดเลือกมากกว่า 10,000 คน และได้คัดเลือกครูจำนวน 549 คน เพื่อรับทุนทำงานต่อเนื่องระยะเวลา 18 เดือน คนละ 250,000 บาท ซึ่งครูที่ได้รับทุนส่วนใหญ่นั้นเป็นครูในสังกัด ศธ.ถึง 85% โดยจะให้สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) มาร่วมพัฒนาครูทุกคนที่ได้รับทุนและขอให้มีการขยายผลเพื่อไปพัฒนาผู้บริหารและศึกษานิเทศก์ด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการยังเสนอว่า รางวัลที่ครูได้รับนั้นเป็นผลงานดีเด่นน่าจะสามารถเสนอขอเลื่อนวิทยฐานะ โดยใช้หลักเกณฑ์วิทยฐานะเชิงประจักษ์ ว5(54) ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด รมว.ศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ ก.ค.ศ.ไปพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ด้าน ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ สสค.กล่าวว่า สสค.ได้นำเสนอแผนงานสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการทำงานหลักๆ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.แผนงานที่เกี่ยวข้องกับการลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา เพราะขณะนี้ยังมีเด็กจำนวนมากในสังคมไทยที่ถูกมองข้ามเด็ก และหายจากระบบการศึกษาถึงครึ่งต่อครึ่ง เช่น ประชากรเกิด 1 ล้านคน เมื่อเข้าระบบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา 3 จะหายไป 2 แสนคน ขณะที่ ม.6 หายไป 3 แสนคน เป็นต้น ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งความยากจน การย้ายถิ่น การปรับตัวต่อการเรียนไม่ไหว หน้าที่ของ สสค.จึงต้องพยายามตรึงเด็กให้อยู่ในระบบการศึกษา 2.แผนงานการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา โดยนำระบบไอซีทีเข้ามาใช้เป็นทางเลือก 3.แผนงานด้านการสร้างเครือข่ายการจัดการศึกษา และ 4.แผนงานการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้รองรับการปฏิรูปการศึกษา