ไฟเขียว เปลี่ยนวิธีการจัดซื้อแท็บเล็ตใหม่ จากจีทูจี มาเปิดประมูล อี-ออกชัน ในประเทศ เปิดทางบริษัทไทย-เทศ เข้ามาร่วมอย่างเท่าเทียม คาดทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ขณะที่ สพฐ.เผยจากที่แจกแท็บเล็ตไปแล้วกว่า 4 เดือน พบมีการนำแท็บเล็ตใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด เดือน ก.ย.ใช้งานกว่า 4.6 แสนครั้ง ขณะที่ครั้งแรกในเดือน มิ.ย.ที่แจกใช้งานอยู่ที่ 1.4 พันครั้ง
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตพกพาต่อ 1 นักเรียน ซึ่งมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน และมีนายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เข้าร่วม
โดย ศ.ดร.สุชาติ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งจะมีการจัดซื้อเพิ่มเติมในต้นปี 2556 และการจัดซื้อสำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งจะจัดซื้อในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2555 โดยในส่วนของวิธีการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ที่ประชุมมีมติจะเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่จัดซื้อระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ จีทูจี มาเป็นการเปิดประมูลหรือจัดทำ อี-ออกชัน ในภายในประเทศ โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัททั่วไปทั้งของไทยและต่างประเทศเข้าร่วมประมูลอย่างเท่าเทียม เพราะการประมูลครั้งนี้เป็นการจัดซื้อในจำนวนมาก ดังนั้น อาจจะต้องมีการเปิดประมูล 3-4 ครั้ง โดยขณะนี้ให้ฝ่ายประมูลไปหาวิธีการว่าในการเปิดประมูลจัดซื้อแต่ละล็อตจะซื้อล็อตละกี่เครื่อง รวมถึงการจัดหาเครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูที่ใช้ในห้องเรียนโดยจะมีสเปกที่สูงกว่าเครื่องที่แจกนักเรียนด้วย
“เหตุที่เปลี่ยนจากจัดซื้อจากประเทศจีนแบบจีทูจี มาจัดซื้อในประเทศ เพราะเห็นว่าจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของไทย และยังจะเปิดโอกาสให้มีการแข่งขั้นกันทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจมวลรวม หรือ จีดีพี ของประเทศไทยได้ และเชื่อว่า ในอนาคตในประเทศไทยจะมีการผลิตแอพพลิเคชั่นเพิ่มมากขึ้นด้วย”ศ.ดร.สุชาติ กล่าว
ด้าน นายอนุดิษฐ์ กล่าวว่า ภายในปีการศึกษา 2556 ทุกโรงเรียนในทุกสังกัดจะได้รับบริการระบบอินเทอร์เน็ตที่ครบถ้วน โดยขณะนี้ทางไอซีทีดำเนินการไปแล้ว 24% ของโรงเรียนทั่วประเทศ ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพียงแต่ความเร็วไม่มากทำให้ไม่สามารถใช้งานแท็บเล็ตระบบออนไลน์ได้ทีละหลายๆ เครื่อง ทั้งนี้ มองการเปิดประมูล อี-ออคชัน ว่า จะช่วยจัดซื้อให้ได้แท็บเล็ตให้ได้ราคาถูก และมีคุณภาพตามที่กำหนด แต่สำหรับรายละเอียดสเปกเครื่องที่จะจัดซื้อชุดใหม่นั้น ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะที่ประชุมวันนี้หารือเพียงนโยบายการจัดซื้อเท่านั้น แต่ก็คาดว่าการประชุมคณะกรรมการครั้งหน้าจะมีความชัดเจนเรื่องแนวทางการจัดซื้อมากขึ้น
นายชินภัทร กล่าวว่า ขณะนี้แท็บเล็ตล็อตที่ 2 กว่า 400,000 เครื่อง กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจรับของไอซีที โดยยังถือว่าเป็นไปตามกำหนดเวลาที่จะต้องจัดส่งไปยังโรงเรียนต่างๆ ภายในกลางเดือนตุลาคม นอกจากนั้น ในปีการศึกษาหน้าจะจัดซื่อเครื่องแท็บเล็ตล็อตใหม่สำหรับชั้น ป.1 จำนวน 558,077 เครื่อง วงเงินงบประมาณ 1,563 ล้านบาท ส่วนชั้น ม.1 จำนวน 637,751 เครื่อง งบประมาณ 1,918 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเข้าระบบอินเทอร์เน็ตภายหลังมีการดำเนินการกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มีความถี่ของการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน มิ.ย.นั้น ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ปล่อยคาราวานส่งแท็บเล็ตไปยังเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อกระจายต่อไปยังโรงเรียน พบว่า มีการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อเครื่องจำนวน 1,400 ครั้ง เดือน และเพิ่มมากขึ้นในเดือนต่อๆ มา คือ เดือน ก.ค.เข้าใช้จำนวน 14,228 ครั้ง เดือน ส.ค.เข้าใช้ 107,000 ครั้ง และล่าสุด เดือน ก.ย.เข้าใช้งานสูงถึง 460,000 ครั้ง
“จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักเรียนมีความสนใจเข้าใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาต่างๆ ที่พบจากตัวเครื่องยังมีไม่มาก ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่ามีเพียง 0.05% ซึ่งเป็นจำนวนที่ยอมรับได้ และเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่รับผิดชอบ ก็จะรับเอาปัญหาเหล่านี้มาเป็นมาตรการเสริม ในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก” นายชินภัทร กล่าว
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตพกพาต่อ 1 นักเรียน ซึ่งมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน และมีนายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เข้าร่วม
โดย ศ.ดร.สุชาติ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งจะมีการจัดซื้อเพิ่มเติมในต้นปี 2556 และการจัดซื้อสำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งจะจัดซื้อในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2555 โดยในส่วนของวิธีการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ที่ประชุมมีมติจะเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่จัดซื้อระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ จีทูจี มาเป็นการเปิดประมูลหรือจัดทำ อี-ออกชัน ในภายในประเทศ โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัททั่วไปทั้งของไทยและต่างประเทศเข้าร่วมประมูลอย่างเท่าเทียม เพราะการประมูลครั้งนี้เป็นการจัดซื้อในจำนวนมาก ดังนั้น อาจจะต้องมีการเปิดประมูล 3-4 ครั้ง โดยขณะนี้ให้ฝ่ายประมูลไปหาวิธีการว่าในการเปิดประมูลจัดซื้อแต่ละล็อตจะซื้อล็อตละกี่เครื่อง รวมถึงการจัดหาเครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูที่ใช้ในห้องเรียนโดยจะมีสเปกที่สูงกว่าเครื่องที่แจกนักเรียนด้วย
“เหตุที่เปลี่ยนจากจัดซื้อจากประเทศจีนแบบจีทูจี มาจัดซื้อในประเทศ เพราะเห็นว่าจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของไทย และยังจะเปิดโอกาสให้มีการแข่งขั้นกันทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจมวลรวม หรือ จีดีพี ของประเทศไทยได้ และเชื่อว่า ในอนาคตในประเทศไทยจะมีการผลิตแอพพลิเคชั่นเพิ่มมากขึ้นด้วย”ศ.ดร.สุชาติ กล่าว
ด้าน นายอนุดิษฐ์ กล่าวว่า ภายในปีการศึกษา 2556 ทุกโรงเรียนในทุกสังกัดจะได้รับบริการระบบอินเทอร์เน็ตที่ครบถ้วน โดยขณะนี้ทางไอซีทีดำเนินการไปแล้ว 24% ของโรงเรียนทั่วประเทศ ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพียงแต่ความเร็วไม่มากทำให้ไม่สามารถใช้งานแท็บเล็ตระบบออนไลน์ได้ทีละหลายๆ เครื่อง ทั้งนี้ มองการเปิดประมูล อี-ออคชัน ว่า จะช่วยจัดซื้อให้ได้แท็บเล็ตให้ได้ราคาถูก และมีคุณภาพตามที่กำหนด แต่สำหรับรายละเอียดสเปกเครื่องที่จะจัดซื้อชุดใหม่นั้น ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะที่ประชุมวันนี้หารือเพียงนโยบายการจัดซื้อเท่านั้น แต่ก็คาดว่าการประชุมคณะกรรมการครั้งหน้าจะมีความชัดเจนเรื่องแนวทางการจัดซื้อมากขึ้น
นายชินภัทร กล่าวว่า ขณะนี้แท็บเล็ตล็อตที่ 2 กว่า 400,000 เครื่อง กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจรับของไอซีที โดยยังถือว่าเป็นไปตามกำหนดเวลาที่จะต้องจัดส่งไปยังโรงเรียนต่างๆ ภายในกลางเดือนตุลาคม นอกจากนั้น ในปีการศึกษาหน้าจะจัดซื่อเครื่องแท็บเล็ตล็อตใหม่สำหรับชั้น ป.1 จำนวน 558,077 เครื่อง วงเงินงบประมาณ 1,563 ล้านบาท ส่วนชั้น ม.1 จำนวน 637,751 เครื่อง งบประมาณ 1,918 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเข้าระบบอินเทอร์เน็ตภายหลังมีการดำเนินการกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มีความถี่ของการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน มิ.ย.นั้น ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ปล่อยคาราวานส่งแท็บเล็ตไปยังเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อกระจายต่อไปยังโรงเรียน พบว่า มีการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อเครื่องจำนวน 1,400 ครั้ง เดือน และเพิ่มมากขึ้นในเดือนต่อๆ มา คือ เดือน ก.ค.เข้าใช้จำนวน 14,228 ครั้ง เดือน ส.ค.เข้าใช้ 107,000 ครั้ง และล่าสุด เดือน ก.ย.เข้าใช้งานสูงถึง 460,000 ครั้ง
“จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักเรียนมีความสนใจเข้าใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาต่างๆ ที่พบจากตัวเครื่องยังมีไม่มาก ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่ามีเพียง 0.05% ซึ่งเป็นจำนวนที่ยอมรับได้ และเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่รับผิดชอบ ก็จะรับเอาปัญหาเหล่านี้มาเป็นมาตรการเสริม ในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก” นายชินภัทร กล่าว
