กระบี่ - สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “แผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2556-2560” รับมือเปิดเสรีเขตเศรษฐกิจอาเซียน ปลัด จ.กระบี่ ระบุ เปิดเสรีปาล์มกระทบการผลิตอย่างแน่นอน เผยจังหวัดกระบี่ มีรายได้จากปาล์มน้ำมันกว่า 30,000 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (26 ก.ย.) ที่โรงแรมมารีไทม์ พาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “แผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2556-2560” เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มจากแต่ละภาคส่วน เพื่อใช้ประกอบการยกร่างแผนฯ ให้อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน และมั่นคง ภายใต้เงื่อนไขการค้าเสรี โดยมี น.ส.กฤติกา อกนิษฐาภิชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร พร้อมด้วยเกษตรกร โรงงานปาล์มน้ำมัน ผู้ค้า และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ประเทศไทยจะเปิดตลาดการค้าเสรีนำเข้าน้ำมันปาล์มภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ในปี 2558 โดยปลอดภาษี และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่มีราคาต่ำกว่าเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ และสุดท้าย ก็จะกระทบต่อการผลิตน้ำมันปาล์ม และปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชหลักสำคัญที่สร้างรายได้ การจ้างงานในจังหวัด โดยปัจจุบัน จังหวัดกระบี่มีการปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 0.97 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มสด 2.96 ล้านตัน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มประมาณ 15,000 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้แก่โรงงานน้ำมันปาล์ม ประมาณ 16,000 ล้านบาท มีการจ้างงานในภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มเป็นจำนวนมาก เช่น การจ้างแรงงานในภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม การขนส่ง การค้าปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยา พันธุ์ปาล์ม เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ามวลรวม/ปี กว่า 30,000 ล้านบาท”
ด้าน น.ส.กฤติกา อกนิษฐาภิชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวว่า พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปาล์มน้ำมันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง โดยมีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ 4.5 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มสด 11.33 ล้านตัน ผลิตเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้ 1.93 ล้านตัน มูลค่าทางเศรษฐกิจของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ไม่ต่ำกว่า 64,000 ล้านบาท แหล่งผลิตที่สำคัญ คือ ภาคใต้ โดยมีการปลูกมากในพื้นที่จังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร สตูล และตรัง อย่างไรก็ดี ประเทศภาคีสมาชิกเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA มีเป้าหมายที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคง ซึ่งจะทำให้การค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศสมาชิกมีความเสรีมากขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2551-2555 เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนฉบับดังกล่าวจะสิ้นสุดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พัฒนาปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มของประเทศดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2556-2560 โดยมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ดำเนินการยกร่างแผนฯ และให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง ซึ่งการจัดเสวนาในครั้งนี้ ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มให้สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (26 ก.ย.) ที่โรงแรมมารีไทม์ พาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “แผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2556-2560” เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มจากแต่ละภาคส่วน เพื่อใช้ประกอบการยกร่างแผนฯ ให้อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน และมั่นคง ภายใต้เงื่อนไขการค้าเสรี โดยมี น.ส.กฤติกา อกนิษฐาภิชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร พร้อมด้วยเกษตรกร โรงงานปาล์มน้ำมัน ผู้ค้า และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ประเทศไทยจะเปิดตลาดการค้าเสรีนำเข้าน้ำมันปาล์มภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน ในปี 2558 โดยปลอดภาษี และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่มีราคาต่ำกว่าเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ และสุดท้าย ก็จะกระทบต่อการผลิตน้ำมันปาล์ม และปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชหลักสำคัญที่สร้างรายได้ การจ้างงานในจังหวัด โดยปัจจุบัน จังหวัดกระบี่มีการปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 0.97 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มสด 2.96 ล้านตัน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มประมาณ 15,000 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้แก่โรงงานน้ำมันปาล์ม ประมาณ 16,000 ล้านบาท มีการจ้างงานในภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มเป็นจำนวนมาก เช่น การจ้างแรงงานในภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม การขนส่ง การค้าปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยา พันธุ์ปาล์ม เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ามวลรวม/ปี กว่า 30,000 ล้านบาท”
ด้าน น.ส.กฤติกา อกนิษฐาภิชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวว่า พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปาล์มน้ำมันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง โดยมีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ 4.5 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มสด 11.33 ล้านตัน ผลิตเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้ 1.93 ล้านตัน มูลค่าทางเศรษฐกิจของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ไม่ต่ำกว่า 64,000 ล้านบาท แหล่งผลิตที่สำคัญ คือ ภาคใต้ โดยมีการปลูกมากในพื้นที่จังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร สตูล และตรัง อย่างไรก็ดี ประเทศภาคีสมาชิกเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA มีเป้าหมายที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคง ซึ่งจะทำให้การค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศสมาชิกมีความเสรีมากขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2551-2555 เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนฉบับดังกล่าวจะสิ้นสุดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พัฒนาปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มของประเทศดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม ปี 2556-2560 โดยมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ดำเนินการยกร่างแผนฯ และให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง ซึ่งการจัดเสวนาในครั้งนี้ ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มให้สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
