เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ...... พร้อมเสนอแก้ไขกฎหมาย 6 ประเด็นสำคัญน่าสนใจ อาทิ กำหนดสถานที่ห้ามขายบุหรี่ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และการห้ามขายบุหรี่ให้กับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
นับถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 20 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาในการควบคุมการบริโภคยาสูบได้มีพัฒนาการประเด็นปัญหาในหลากหลายประเด็นเพิ่มมากขึ้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ..... เพื่อปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายในประเด็นปัญหาต่างๆ ให้มาตรการทางกฎหมายสามารถควบคุมการบริโภคยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มครองลูกหลานให้ปลอดภัยจากมหันตภัยร้ายนี้
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าดเวทีสาธารณะ “รับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ.....” กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 4 ภาค ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ จัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเวทีครั้งสุดท้าย เพราะก่อนหน้าที่ได้จัดเวทีมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เวทีภาคใต้ เวทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเวทีภาคเหนือ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซักถามประเด็นข้อสงสัย และให้ข้อเสนอแนะต่างๆ รวมถึงการรับรู้และเข้าใจในกระบวนการยกร่างกฎหมาย สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ด้านนพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ครอบคลุมมาตรการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประกอบด้วย 6 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.มาตรการห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเบ็ดเสร็จและการดำเนินกิจกรรม CSR เช่น การตัดแปลงตราสัญลักษณ์ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ยาสูบไปติดลงบนป้ายไฟฟ้าร้านอาหาร หรือการพิมพ์ลงจานอาหารในร้านอาหาร และการดำเนินกิจกรรมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจยาสูบ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เช่น การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา การจัดกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ การบริจาคสิ่งของต่างๆ เป็นต้น
2.มาตรการป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเด็กและเยาวชน โดยร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ได้กำหนดไว้ใน 2 ลักษณะ ดังนี้ (1) ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบให้กับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งหากฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท (2) ห้ามยินยอมหรืออนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งหากผู้ใดไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง หรือพ่อแม่ยินยอมให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
3.การกำหนดสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหม่อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกบรรจุลงในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ เนื่องจากแต่เดิมกฎหมายกำหนดเพียงสถานที่ห้ามสูบบุหรี่เท่านั้น ซึ่งสถานที่และบริเวณโดยรอบของสถานที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ได้กำหนดไว้ ดังนี้ วัด/ศาสนสถาน สถานบริการสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาล ร้านขายยา เป็นต้น สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา หากผู้ใดฝ่าฝืนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบในสถานที่ดังกล่าว มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
4.การออกใบสั่งหรือใบเปรียบเทียบปรับ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะการออกใบสั่งเปรียบเทียบปรับโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบังคับใช้กฎหมายได้จริงจังมากยิ่งขึ้น
5.การลดแรงจูงใจของผู้บริโภคยาสูบ โดยมาตรการกำหนดให้ซองบุหรี่ที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องเป็นซองแบบเรียบ หรือที่เรียกว่า Plain packaging ซึ่งเป็นซองที่ปราศจากสีสัน ลดแรงกระตุ้นหรือจูงใจนักสูบ ดังที่ประเทศออสเตรเลียได้ริเริ่มแล้ว
6.การเพิ่มอัตราโทษค่าปรับในฐานความผิดต่างๆ ให้สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน เช่น กฎหมายฉบับเดิมการสูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ร่างกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มขึ้น เป็น 5,000 บาท เป็นต้น
ทั้ง 6 ประเด็นนี้ เป็นเพียงบางส่วนในร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ..... และจำเป็นต้องอาศัยประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้การยกร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้สมบูรณ์ที่สุด เพราะการจะทำให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนและภาคีเครือข่ายให้มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายและการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันในการดำเนินมาตรการทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถควบคุมการบริโภคยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถร่วมแสดความคิดเห็นผ่านทางไปรษณีย์มาที่ สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 หรือส่งอีเมลมาที่ tobacco.hearing@gmail.com หรือ www.tobaccohearing.com ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 580 9264, 02 580 9237 ในวันและเวลาราชการ
นับถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 20 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาในการควบคุมการบริโภคยาสูบได้มีพัฒนาการประเด็นปัญหาในหลากหลายประเด็นเพิ่มมากขึ้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ..... เพื่อปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายในประเด็นปัญหาต่างๆ ให้มาตรการทางกฎหมายสามารถควบคุมการบริโภคยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มครองลูกหลานให้ปลอดภัยจากมหันตภัยร้ายนี้
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าดเวทีสาธารณะ “รับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ.....” กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 4 ภาค ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ จัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเวทีครั้งสุดท้าย เพราะก่อนหน้าที่ได้จัดเวทีมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เวทีภาคใต้ เวทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเวทีภาคเหนือ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซักถามประเด็นข้อสงสัย และให้ข้อเสนอแนะต่างๆ รวมถึงการรับรู้และเข้าใจในกระบวนการยกร่างกฎหมาย สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ด้านนพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ครอบคลุมมาตรการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประกอบด้วย 6 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.มาตรการห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเบ็ดเสร็จและการดำเนินกิจกรรม CSR เช่น การตัดแปลงตราสัญลักษณ์ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ยาสูบไปติดลงบนป้ายไฟฟ้าร้านอาหาร หรือการพิมพ์ลงจานอาหารในร้านอาหาร และการดำเนินกิจกรรมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจยาสูบ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เช่น การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา การจัดกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ การบริจาคสิ่งของต่างๆ เป็นต้น
2.มาตรการป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเด็กและเยาวชน โดยร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ได้กำหนดไว้ใน 2 ลักษณะ ดังนี้ (1) ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบให้กับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งหากฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท (2) ห้ามยินยอมหรืออนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งหากผู้ใดไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง หรือพ่อแม่ยินยอมให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
3.การกำหนดสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหม่อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกบรรจุลงในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ เนื่องจากแต่เดิมกฎหมายกำหนดเพียงสถานที่ห้ามสูบบุหรี่เท่านั้น ซึ่งสถานที่และบริเวณโดยรอบของสถานที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ได้กำหนดไว้ ดังนี้ วัด/ศาสนสถาน สถานบริการสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาล ร้านขายยา เป็นต้น สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา หากผู้ใดฝ่าฝืนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบในสถานที่ดังกล่าว มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
4.การออกใบสั่งหรือใบเปรียบเทียบปรับ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะการออกใบสั่งเปรียบเทียบปรับโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบังคับใช้กฎหมายได้จริงจังมากยิ่งขึ้น
5.การลดแรงจูงใจของผู้บริโภคยาสูบ โดยมาตรการกำหนดให้ซองบุหรี่ที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องเป็นซองแบบเรียบ หรือที่เรียกว่า Plain packaging ซึ่งเป็นซองที่ปราศจากสีสัน ลดแรงกระตุ้นหรือจูงใจนักสูบ ดังที่ประเทศออสเตรเลียได้ริเริ่มแล้ว
6.การเพิ่มอัตราโทษค่าปรับในฐานความผิดต่างๆ ให้สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน เช่น กฎหมายฉบับเดิมการสูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ร่างกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มขึ้น เป็น 5,000 บาท เป็นต้น
ทั้ง 6 ประเด็นนี้ เป็นเพียงบางส่วนในร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ..... และจำเป็นต้องอาศัยประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้การยกร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้สมบูรณ์ที่สุด เพราะการจะทำให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนและภาคีเครือข่ายให้มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายและการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันในการดำเนินมาตรการทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถควบคุมการบริโภคยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถร่วมแสดความคิดเห็นผ่านทางไปรษณีย์มาที่ สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 หรือส่งอีเมลมาที่ tobacco.hearing@gmail.com หรือ www.tobaccohearing.com ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 580 9264, 02 580 9237 ในวันและเวลาราชการ