สปสช.เตรียมขยายสิทธิการดูแลผู้ป่วยเอดส์-ไต ใน 3 กองทุน เพื่อสร้างความเท่าเทียม เริ่ม 1 ต.ค.นี้
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณการสิทธิประโยชน์ในการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขยายสิทธิสร้างความเสมอภาคในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพื่อให้ผู้ป่วยใน 3 กองทุน ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิ 30 บาท สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม โดยจะเน้นในเรื่องของการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่อง แม้มีการเปลี่ยนสิทธิ อาทิ ผู้ป่วยไตวายฯ อยู่สิทธิประกันสังคม และลาออกต้องอยู่ในสิทธิ 30 บาทอัตโนมัติ ก็จะได้รับการรักษาต่อเนื่องในสถานพยาบาลเดิมทันที โดยสิทธิทั้งสองอย่างจะเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคม 2555
นพ.วินัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้ป่วยเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ นั้น ขณะนี้มีการหารือว่าจะต้องปรับในเรื่องเกณฑ์ข้อกำหนดการรับยาต้านไวรัสเอชไอวีให้เท่าเทียมทั้ง 3 กองทุน เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้ตามข้อกำหนดที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้ คือ ผู้ป่วยต้องได้รับยาต้านไวรัสฯ ที่ค่าซีดีโฟว์ (CD4) หรือ ค่าภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ที่ 350 แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 200 ตรงนี้ก็จะมีการหารือและนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ในวันที่ 3 กันยายนนี้ด้วย ทั้งนี้ สำหรับการปรับค่าซีดีโฟว์ หลายคนอาจวิตกว่าหากได้รับยาเร็วขึ้นจะมีปัญหาการทานยาต่อเนื่องหรือไม่ เพราะโดยปกติคนที่แข็งแรงมักไม่ค่อยทานยาเท่าไรนัก ตรงนี้ก็ต้องมาคุยว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ รับยาต้านไวรัสฯ 225,272 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน หรือร้อยละ 65.9 สิทธิประกันสังคม 46,114 คน หรือร้อยละ 20.5 สิทธิข้าราชการ 12,059 คนหรือร้อยละ 5.4 และสิทธิอื่นๆ 18,742 คน หรือร้อยละ 8.3 ส่วนผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 38,780 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 20,077 คน สิทธิประกันสังคม 9,193 คน สิทธิข้าราชการ 8,810 คน
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณการสิทธิประโยชน์ในการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขยายสิทธิสร้างความเสมอภาคในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพื่อให้ผู้ป่วยใน 3 กองทุน ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิ 30 บาท สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม โดยจะเน้นในเรื่องของการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่อง แม้มีการเปลี่ยนสิทธิ อาทิ ผู้ป่วยไตวายฯ อยู่สิทธิประกันสังคม และลาออกต้องอยู่ในสิทธิ 30 บาทอัตโนมัติ ก็จะได้รับการรักษาต่อเนื่องในสถานพยาบาลเดิมทันที โดยสิทธิทั้งสองอย่างจะเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคม 2555
นพ.วินัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้ป่วยเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ นั้น ขณะนี้มีการหารือว่าจะต้องปรับในเรื่องเกณฑ์ข้อกำหนดการรับยาต้านไวรัสเอชไอวีให้เท่าเทียมทั้ง 3 กองทุน เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้ตามข้อกำหนดที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้ คือ ผู้ป่วยต้องได้รับยาต้านไวรัสฯ ที่ค่าซีดีโฟว์ (CD4) หรือ ค่าภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ที่ 350 แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 200 ตรงนี้ก็จะมีการหารือและนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ในวันที่ 3 กันยายนนี้ด้วย ทั้งนี้ สำหรับการปรับค่าซีดีโฟว์ หลายคนอาจวิตกว่าหากได้รับยาเร็วขึ้นจะมีปัญหาการทานยาต่อเนื่องหรือไม่ เพราะโดยปกติคนที่แข็งแรงมักไม่ค่อยทานยาเท่าไรนัก ตรงนี้ก็ต้องมาคุยว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ รับยาต้านไวรัสฯ 225,272 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน หรือร้อยละ 65.9 สิทธิประกันสังคม 46,114 คน หรือร้อยละ 20.5 สิทธิข้าราชการ 12,059 คนหรือร้อยละ 5.4 และสิทธิอื่นๆ 18,742 คน หรือร้อยละ 8.3 ส่วนผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 38,780 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 20,077 คน สิทธิประกันสังคม 9,193 คน สิทธิข้าราชการ 8,810 คน
