การประชุมเชิงนโยบายเรื่องการสร้างความเป็นเอกภาพ และบูรณาการสิทธิประโยชน์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐครั้งที่ 5 มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประชุมได้สรุปความก้าวหน้าการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน สำหรับประชาชนไทยบูรณาการให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยไตวายเรื้อรังในระยะสุดท้าย
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ตามโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ไม่ถามสิทธิใกล้ที่ไหนไปที่นั้น และไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงวันที่13 มิถุยายน 2555 พบว่า ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ 2,353 คน ในโรงพยาบาลเอกชน 191 แห่ง แบ่งเป็นบริการผู้ป่วยนอกร้อยละ 28 ผู้ป่วยในร้อยละ 72 โดยมีผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพฯ ร้อยละ 42 และต่างจังหวัดร้อยละ 58 เฉลี่ยผู้รับบริการวันละ 32 คน ซึ่งการให้บริการตามโครงการนี้ สามารถช่วยชีวิตประชาชนได้ร้อยละ 92.6
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า จากการสอบถามประชาชน และโรงพยาบาลจำนวน 3,702 ครั้ง เกี่ยวกับการรับบริการกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการสำรองการจ่ายเงินปรากฎว่า มีประชาชนร้องทุกข์จำนวน 270 คน สามารถไกล่เกลี่ยได้ 169 คน และอยู่ระหว่างการเจรจา 101 คน ขณะเดียวกันจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการสร้างความเสมอภาค ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยรับยาต้านไวรัสจำนวน 225,272 คน เป็นผู้ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน สิทธิประกันสังคม 46,114 คน สิทธิข้าราชการ 12,059 คน และสิทธิอื่นๆ จำนวน 18742 คน
นอกจากนี้ จะเสนอให้มีการดูแลรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวน 38,780 คน แบ่งเป็นสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 20,077 คน สิทธิประกันสังคม 9,193 คน และสิทธิข้าราชการ 8,810 คน วิธีดำเนินการคือ ให้ 3 กองทุนนั้นปรับเกณฑ์การเข้ารับบริการทดแทนไตเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยใช้มาตรฐานกลางสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ตามโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ไม่ถามสิทธิใกล้ที่ไหนไปที่นั้น และไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงวันที่13 มิถุยายน 2555 พบว่า ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ 2,353 คน ในโรงพยาบาลเอกชน 191 แห่ง แบ่งเป็นบริการผู้ป่วยนอกร้อยละ 28 ผู้ป่วยในร้อยละ 72 โดยมีผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพฯ ร้อยละ 42 และต่างจังหวัดร้อยละ 58 เฉลี่ยผู้รับบริการวันละ 32 คน ซึ่งการให้บริการตามโครงการนี้ สามารถช่วยชีวิตประชาชนได้ร้อยละ 92.6
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า จากการสอบถามประชาชน และโรงพยาบาลจำนวน 3,702 ครั้ง เกี่ยวกับการรับบริการกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการสำรองการจ่ายเงินปรากฎว่า มีประชาชนร้องทุกข์จำนวน 270 คน สามารถไกล่เกลี่ยได้ 169 คน และอยู่ระหว่างการเจรจา 101 คน ขณะเดียวกันจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการสร้างความเสมอภาค ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยรับยาต้านไวรัสจำนวน 225,272 คน เป็นผู้ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน สิทธิประกันสังคม 46,114 คน สิทธิข้าราชการ 12,059 คน และสิทธิอื่นๆ จำนวน 18742 คน
นอกจากนี้ จะเสนอให้มีการดูแลรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวน 38,780 คน แบ่งเป็นสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 20,077 คน สิทธิประกันสังคม 9,193 คน และสิทธิข้าราชการ 8,810 คน วิธีดำเนินการคือ ให้ 3 กองทุนนั้นปรับเกณฑ์การเข้ารับบริการทดแทนไตเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยใช้มาตรฐานกลางสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
