“สวนดุสิตโพล” สำรวจความคิดเห็น ปชช.กรณีโรคมือเท้าปาก กำลังระบาดในขณะนี้ พบร้อยละ 43.70 ค่อนข้างวิตกกังวล แต่ ปชช.พอมีความรู้เรื่องโรคบ้าง ผ่านจากสื่อทีวี นสพ.และอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 73.18 ขณะที่ความตื่นตัวของรัฐบาล ร้อยละ 53.91 คิดว่า ค่อนข้างตื่นตัว ส่วนการป้องกันบุตรหลาน ร้อยละ 30.23 เลือกวิธีการสังเกตอาการผิดปกติ ร้อยละ 35.12 ฝากถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลโรคอย่างทั่วถึง ขณะที่การรับมือของรัฐบาล ร้อยละ 58.38 คิดว่าคงจะรับมือได้
จากกรณีโรคมือเท้าปาก ที่กำลังแพร่ระบาดหนักอยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม.ส่งผลให้มีการสั่งปิดโรงเรียนไปแล้วบางส่วน ในขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต่างก็หามาตรการดูแลป้องกันและเน้นเฝ้าระวังพื้นที่สาธารณะและที่ที่มีเด็กอยู่จำนวนมากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโรคมือ เท้า ปาก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,074 คน ระหว่างวันที่ 17-19 กรกฎาคม 2555 สรุปผลดังนี้
1.ความวิตกกังวลของประชาชนที่มีต่อโรคมือเท้าปากที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ใน กทม.ขณะนี้
อันดับ 1 ค่อนข้างวิตกกังวล 43.70% เพราะเมื่อเด็กออกมานอกบ้าน ต้องพบเจอผู้คนมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นโรคนี้บ้าง, เด็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ฯลฯ
อันดับ 2 วิตกกังวลมาก 28.01% เพราะเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ติดต่อในเด็กได้ง่าย กลัวลูกหลานติดเชื้อ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยวิตกกังวล 24.37% เพราะมั่นใจว่า สามารถดูแลบุตรหลานได้เป็นอย่างดี, เมื่อมีอาการติดเชื้อต้องใช้เวลาสักระยะก็จะหายเอง ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่วิตกกังวล 3.92% เพราะทั้งรัฐบาล สธ.และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเฝ้าระวังและมีมาตรการการดูแลโรคนี้เป็นพิเศษ ฯลฯ
2.การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนเกี่ยวกับ โรคมือเท้าปากที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในกทม.ขณะนี้
อันดับ 1 พอรู้บ้าง 73.18% เพราะรับทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต ทาง สธ.ออกมาแจ้งเตือน ฯลฯ
อันดับ 2 รู้เป็นอย่างดี 19.83% เพราะลูกยังเล็กและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้ จึงติดตามข่าวหรือหาหนังสือมาอ่านโดยตลอด, ลูกหลานเคยเป็นโรคนี้ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยรู้ 5.87% เพราะไม่ค่อยได้สนใจเนื่องจากมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่รู้เลย 1.12% เพราะไม่มีเวลา, ไม่ได้รับข้อมูล, ที่โรงเรียนลูกยังไม่มีใครเป็นโรคนี้ ฯลฯ
3.ประชาชนคิดว่า “รัฐบาล” มีความตื่นตัวในการป้องกัน หรือมีมาตรการในการดูแลรักษาโรคมือเท้าปาก มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1 ค่อนข้างตื่นตัว 53.91% เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง, การประชุมครม.ที่ผ่านมา ได้รับทราบ และมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเป็นพิเศษ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ค่อยตื่นตัว 21.20% เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องอื่นๆ, ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียน พ่อแม่ และผู้ปกครองในการดูแลเด็กๆ มากกว่า ฯลฯ
อันดับ 3 ตื่นตัวอย่างมาก 19.86% เพราะเห็นได้จากการที่นายกฯ ออกมาสั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขดูแลอย่างใกล้ชิด ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่ตื่นตัว 5.03% เพราะก่อนช่วงหน้าฝนควรมีการประชาสัมพันธ์หรือเตรียมการป้องกันที่จะรับมือกับโรคระบาดชนิดนี้ ,ยอดผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฯลฯ
4.หน่วยงานที่ประชาชนอยากให้เข้ามาดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดโรคมือเท้าปาก มากที่สุด
อันดับ 1 กระทรวงสาธารณสุข 30.52%
อันดับ 2 กรมควบคุมโรค 22.65%
อันดับ 3 กรมอนามัย 16.92%
อันดับ 4 รัฐบาล 14.97%
อันดับ 5 กรุงเทพมหานคร 7.83%
อันดับ 6 กระทรวงศึกษาธิการ 7.11%
5.ในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง จะมีวิธีการป้องกันดูแลบุตรหลานจากโรคมือเท้าปากอย่างไร?
อันดับ 1 คอยสังเกตบุตรหลานว่ามีอาการผิดปกติหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคนี้หรือไม่ 30.23%
อันดับ 2 หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก หากไม่มีธุระสำคัญก็ให้บุตรหลานพักผ่อนอยู่ที่บ้านไปก่อน 28.15%
อันดับ 3 เน้นเรื่องการรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ/ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารหรือกลับจากข้างนอกมา 22.74% อันดับ 4 คอยติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆโดยเฉพาะข้อแนะนำในเรื่องการดูแลป้องกันหรือวิธีการรักษา 18.88%
6.รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไร?
อันดับ 1 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงวิธีการดูแลป้องกันอย่างถูกต้อง 35.12%
อันดับ 2 ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้ให้เร็วที่สุด หรือควบคุมไม่ให้เชื้อโรคนี้แพร่กระจายในวงกว้าง 28.61%
อันดับ 3 ประกาศสั่งปิดโรงเรียนชั่วคราวและให้ทุกโรงเรียนทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อเป็นการป้องกัน 26.24%
อันดับ 4 ติดตามข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง และออกข่าวให้ประชาชนรับทราบอย่างตรงไปตรงมา 10.03%
7.ความคาดหวังว่ารัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคมือเท้าปาก ได้มากน้อยเพียงใด
อันดับ 1 คงจะรับมือได้ 58.38% เพราะดูจากการตื่นตัวของภาครัฐและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง แพทย์ไทยเก่งมีความสามารถ ฯลฯ
อันดับ 2 รับมือได้แน่นอน 32.40% เพราะเป็นโรคที่มักพบบ่อยในช่วงหน้าฝน ในประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง สักระยะก็หายไปเอง ฯลฯ
อันดับ 3 คงจะรับมือไม่ได้ 7.26% เพราะเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายเชื้อออกไปสู่เด็กอย่างรวดเร็ว, เด็กส่วนมากยังเล็ก และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ฯลฯ
อันดับ 4 รับมือไม่ได้ 1.96% เพราะดูจากยอดผู้ป่วยพบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันสั้น, โรคนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันให้หมดไปได้ ฯลฯ
จากกรณีโรคมือเท้าปาก ที่กำลังแพร่ระบาดหนักอยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม.ส่งผลให้มีการสั่งปิดโรงเรียนไปแล้วบางส่วน ในขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต่างก็หามาตรการดูแลป้องกันและเน้นเฝ้าระวังพื้นที่สาธารณะและที่ที่มีเด็กอยู่จำนวนมากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโรคมือ เท้า ปาก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,074 คน ระหว่างวันที่ 17-19 กรกฎาคม 2555 สรุปผลดังนี้
1.ความวิตกกังวลของประชาชนที่มีต่อโรคมือเท้าปากที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ใน กทม.ขณะนี้
อันดับ 1 ค่อนข้างวิตกกังวล 43.70% เพราะเมื่อเด็กออกมานอกบ้าน ต้องพบเจอผู้คนมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นโรคนี้บ้าง, เด็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ฯลฯ
อันดับ 2 วิตกกังวลมาก 28.01% เพราะเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ติดต่อในเด็กได้ง่าย กลัวลูกหลานติดเชื้อ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยวิตกกังวล 24.37% เพราะมั่นใจว่า สามารถดูแลบุตรหลานได้เป็นอย่างดี, เมื่อมีอาการติดเชื้อต้องใช้เวลาสักระยะก็จะหายเอง ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่วิตกกังวล 3.92% เพราะทั้งรัฐบาล สธ.และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเฝ้าระวังและมีมาตรการการดูแลโรคนี้เป็นพิเศษ ฯลฯ
2.การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนเกี่ยวกับ โรคมือเท้าปากที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในกทม.ขณะนี้
อันดับ 1 พอรู้บ้าง 73.18% เพราะรับทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต ทาง สธ.ออกมาแจ้งเตือน ฯลฯ
อันดับ 2 รู้เป็นอย่างดี 19.83% เพราะลูกยังเล็กและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้ จึงติดตามข่าวหรือหาหนังสือมาอ่านโดยตลอด, ลูกหลานเคยเป็นโรคนี้ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยรู้ 5.87% เพราะไม่ค่อยได้สนใจเนื่องจากมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่รู้เลย 1.12% เพราะไม่มีเวลา, ไม่ได้รับข้อมูล, ที่โรงเรียนลูกยังไม่มีใครเป็นโรคนี้ ฯลฯ
3.ประชาชนคิดว่า “รัฐบาล” มีความตื่นตัวในการป้องกัน หรือมีมาตรการในการดูแลรักษาโรคมือเท้าปาก มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1 ค่อนข้างตื่นตัว 53.91% เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง, การประชุมครม.ที่ผ่านมา ได้รับทราบ และมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเป็นพิเศษ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ค่อยตื่นตัว 21.20% เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องอื่นๆ, ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียน พ่อแม่ และผู้ปกครองในการดูแลเด็กๆ มากกว่า ฯลฯ
อันดับ 3 ตื่นตัวอย่างมาก 19.86% เพราะเห็นได้จากการที่นายกฯ ออกมาสั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขดูแลอย่างใกล้ชิด ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่ตื่นตัว 5.03% เพราะก่อนช่วงหน้าฝนควรมีการประชาสัมพันธ์หรือเตรียมการป้องกันที่จะรับมือกับโรคระบาดชนิดนี้ ,ยอดผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฯลฯ
4.หน่วยงานที่ประชาชนอยากให้เข้ามาดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดโรคมือเท้าปาก มากที่สุด
อันดับ 1 กระทรวงสาธารณสุข 30.52%
อันดับ 2 กรมควบคุมโรค 22.65%
อันดับ 3 กรมอนามัย 16.92%
อันดับ 4 รัฐบาล 14.97%
อันดับ 5 กรุงเทพมหานคร 7.83%
อันดับ 6 กระทรวงศึกษาธิการ 7.11%
5.ในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง จะมีวิธีการป้องกันดูแลบุตรหลานจากโรคมือเท้าปากอย่างไร?
อันดับ 1 คอยสังเกตบุตรหลานว่ามีอาการผิดปกติหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคนี้หรือไม่ 30.23%
อันดับ 2 หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก หากไม่มีธุระสำคัญก็ให้บุตรหลานพักผ่อนอยู่ที่บ้านไปก่อน 28.15%
อันดับ 3 เน้นเรื่องการรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ/ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารหรือกลับจากข้างนอกมา 22.74% อันดับ 4 คอยติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆโดยเฉพาะข้อแนะนำในเรื่องการดูแลป้องกันหรือวิธีการรักษา 18.88%
6.รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไร?
อันดับ 1 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงวิธีการดูแลป้องกันอย่างถูกต้อง 35.12%
อันดับ 2 ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้ให้เร็วที่สุด หรือควบคุมไม่ให้เชื้อโรคนี้แพร่กระจายในวงกว้าง 28.61%
อันดับ 3 ประกาศสั่งปิดโรงเรียนชั่วคราวและให้ทุกโรงเรียนทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อเป็นการป้องกัน 26.24%
อันดับ 4 ติดตามข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง และออกข่าวให้ประชาชนรับทราบอย่างตรงไปตรงมา 10.03%
7.ความคาดหวังว่ารัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคมือเท้าปาก ได้มากน้อยเพียงใด
อันดับ 1 คงจะรับมือได้ 58.38% เพราะดูจากการตื่นตัวของภาครัฐและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง แพทย์ไทยเก่งมีความสามารถ ฯลฯ
อันดับ 2 รับมือได้แน่นอน 32.40% เพราะเป็นโรคที่มักพบบ่อยในช่วงหน้าฝน ในประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง สักระยะก็หายไปเอง ฯลฯ
อันดับ 3 คงจะรับมือไม่ได้ 7.26% เพราะเป็นโรคระบาดที่แพร่กระจายเชื้อออกไปสู่เด็กอย่างรวดเร็ว, เด็กส่วนมากยังเล็ก และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ฯลฯ
อันดับ 4 รับมือไม่ได้ 1.96% เพราะดูจากยอดผู้ป่วยพบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันสั้น, โรคนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันให้หมดไปได้ ฯลฯ
