กทม.จ่อถาม “ยิ่งลักษณ์” เหตุเฉือนงบรายจ่ายประจำปี 56 กว่า 20,000 ล้านบาท หวั่นกระทบแผนบริหาร พ้ออีก 76 จังหวัดได้อนุมัติงบเต็ม 100% ซัดเพื่อไทยกำลังเล่นเกมการเมือง หวังให้ ปชช.โจมตีการทำงาน กทม. ทำลายฐานเสียง ปชป.
นายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากกรณีที่ กทม.ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 5/2555 ในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุมนั้น หากที่ประชุมมีเวลาเหลือพอ กทม.อาจขอหารือโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามทวงถามถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายละเอียดร่างดังกล่าว และได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและได้รับความเห็นชอบในวาระแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้มีการพิจารณาปรับลดรวมทั้งตัดงบฯ ในส่วนเงินอุดหนุน กทม.จากที่ กทม.เสนอขอสนับสนุนไปรวมทั้งสิ้นกว่า 34,349 ล้านบาท แต่ได้รับการอนุมัติมาให้เพียง 14,419 ล้านบาทเศษเท่านั้น หรือตัดไปกว่า 20,000 ล้านบาท ทำให้ กทม.วิตกว่าอาจส่งผลกระทบต่อแผนบริหารราชการกทม.เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้
นายอัศวัชร์กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเล่นการเมืองเพื่อหวังให้ประชาชนโจมตีการทำงานของ กทม.ภายใต้การดูแลของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการทำลายฐานเสียงทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอบอกว่ากำลังทำผิดอย่างร้ายแรง เพราะมีโครงการสำคัญๆ ที่ถูกรัฐบาลนี้ตัดทิ้งไปเป็นจำนวนมาก อาทิ งบฯ จัดการศึกษา กทม.ขอไป 11,966 ล้านบาท รัฐบาลอนุมัติให้แค่ 6,973 ล้านบาท ตัดออกไปกว่า 5,000 ล้านบาท ในขณะที่องค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศอีก 76 จังหวัด ซึ่งอยู่ในกำกับของกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกับ กทม. กลับได้รับการพิจารณาอนุมัติเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ขอรับการสนับสนุนงบฯ หรือโครงการก่อสร้างเขื่อนและอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมกว่า 20 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทก็ไม่ได้รับการอนุมัติงบฯ ให้แต่อย่างใด
“ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยต้องการคะแนนเสียงของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่ม ได้เป็นรัฐบาลต่อและท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องการที่จะเป็นนายกฯ อีกสมัยจริงๆ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำเสียใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการทำลายตัวเองทั้งปัจจุบันและอนาคต เพราะหากเปรียบเทียบงบประมาณที่รัฐบาลนำมาใช้ หรือแม้แต่กระทรวงมหาดไทยที่ได้รับการอนุมัติในแต่ละปีโดยเฉพาะปีนี้นั้น สังเกตได้ว่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ กทม.ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษในฐานะเมืองหลวงของประเทศ กลับได้รับงบฯ อุดหนุนจากรัฐบาลเพิ่มปีละไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กระทั่งเงินที่จะทำมาใช้พัฒนาและรักษาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบในฐานะที่เป็นเจ้าของตำแหน่งเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก 3 ปีซ้อนก็ยังไม่ได้รับมาแม้แต่บาทเดียว ไม่นับรวมเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และจัดการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นคนกลุ่มสำคัญที่จะชี้ชะตาทางการเมืองไทยต่อไป” นายอัศวัชร์กล่าว
นายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากกรณีที่ กทม.ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 5/2555 ในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุมนั้น หากที่ประชุมมีเวลาเหลือพอ กทม.อาจขอหารือโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามทวงถามถึงกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายละเอียดร่างดังกล่าว และได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและได้รับความเห็นชอบในวาระแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้มีการพิจารณาปรับลดรวมทั้งตัดงบฯ ในส่วนเงินอุดหนุน กทม.จากที่ กทม.เสนอขอสนับสนุนไปรวมทั้งสิ้นกว่า 34,349 ล้านบาท แต่ได้รับการอนุมัติมาให้เพียง 14,419 ล้านบาทเศษเท่านั้น หรือตัดไปกว่า 20,000 ล้านบาท ทำให้ กทม.วิตกว่าอาจส่งผลกระทบต่อแผนบริหารราชการกทม.เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้
นายอัศวัชร์กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเล่นการเมืองเพื่อหวังให้ประชาชนโจมตีการทำงานของ กทม.ภายใต้การดูแลของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการทำลายฐานเสียงทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอบอกว่ากำลังทำผิดอย่างร้ายแรง เพราะมีโครงการสำคัญๆ ที่ถูกรัฐบาลนี้ตัดทิ้งไปเป็นจำนวนมาก อาทิ งบฯ จัดการศึกษา กทม.ขอไป 11,966 ล้านบาท รัฐบาลอนุมัติให้แค่ 6,973 ล้านบาท ตัดออกไปกว่า 5,000 ล้านบาท ในขณะที่องค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศอีก 76 จังหวัด ซึ่งอยู่ในกำกับของกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกับ กทม. กลับได้รับการพิจารณาอนุมัติเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ขอรับการสนับสนุนงบฯ หรือโครงการก่อสร้างเขื่อนและอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมกว่า 20 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทก็ไม่ได้รับการอนุมัติงบฯ ให้แต่อย่างใด
“ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยต้องการคะแนนเสียงของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่ม ได้เป็นรัฐบาลต่อและท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องการที่จะเป็นนายกฯ อีกสมัยจริงๆ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำเสียใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการทำลายตัวเองทั้งปัจจุบันและอนาคต เพราะหากเปรียบเทียบงบประมาณที่รัฐบาลนำมาใช้ หรือแม้แต่กระทรวงมหาดไทยที่ได้รับการอนุมัติในแต่ละปีโดยเฉพาะปีนี้นั้น สังเกตได้ว่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ กทม.ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษในฐานะเมืองหลวงของประเทศ กลับได้รับงบฯ อุดหนุนจากรัฐบาลเพิ่มปีละไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กระทั่งเงินที่จะทำมาใช้พัฒนาและรักษาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบในฐานะที่เป็นเจ้าของตำแหน่งเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก 3 ปีซ้อนก็ยังไม่ได้รับมาแม้แต่บาทเดียว ไม่นับรวมเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และจัดการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นคนกลุ่มสำคัญที่จะชี้ชะตาทางการเมืองไทยต่อไป” นายอัศวัชร์กล่าว
