เครือข่ายชาวบ้านบางสะพาน บุก! ก.ศึกษาฯ ทวงขอ ผอ.ร.ร.และครู พร้อมปกป้อง ร.ร.ในพื้นที่ที่เปิดสอนมาเกือบ 40 ปี แต่กำลังจะถูกให้ยุบรวม ระบุเขตพื้นที่ฯ กลั่นแกล้งย้าย ผอ.ร.ร.ออกไป หวังให้มีการยุบ ร.ร.เพื่อเปิดทางรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมเหล็กบางสะพาน ด้าน “ชินภัทร” รับหน้าเอง ยันไม่ยุบ แต่ ร.ร.ต้องบริหารอยู่บนเงื่อนไขที่กำหนด จึงจัด ผอ.และครูให้ตามที่ร้องขอ พร้อมส่ง จนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบสัปดาห์หน้า
วันนี้ (4 ก.ค.) เวลา 14.30 น. นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านดอนสูง พร้อมด้วย กลุ่มชาวบ้านและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านดอนสูง ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 50 คน เดินทางมายังกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส่งผู้อำนวยการและครูให้กับโรงเรียนบ้านดอนสูง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ โดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) รับเรื่องด้วยตนเอง
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า โรงเรียนบ้านดอนสูง ตั้งมาเมื่อปี 2516 หรือเกือบ 40 ปีที่แล้ว โดยได้รับการบริจาคที่ดินจากชาวบ้าน และตลอดเวลาที่ผ่านมา ชุมชนได้เข้าไปให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษา ในหลายๆ ด้าน เช่น เวลาขาดแคลนเงิน หรือขาดแคลนครู ชุมชนจะจัดผ้าป่าระดมเงินให้โรงเรียน และผลการเรียนของโรงเรียนก็อยู่ในระดับดีมาตลอด คะแนนทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ (O-Net) ในวิชาภาษาไทย ได้เป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดซึ่งมีโรงเรียนประถมศึกษาอยู่ จำนวน 130 กว่าโรง ส่วนคะแนน O-Net ในภาพรวมได้อันดับที่ 4 ของจังหวัด ทั้งที่มีครูเพียง 3 คน ผอ.โรงเรียน 1 คน แต่ต่อมาได้มีนโยบายจาก ศธ.ให้ยุบรวมโรงเรียนบ้านดอนสูงกับโรงเรียนบ้านหนองมงคล ซึ่งไม่มีการแจ้งเรื่องดังกล่าวให้นักเรียน ผู้ปกครอง และชาวบ้านในชุมชนได้ทราบล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ได้มีคำสั่งย้าย ผอ.โรงเรียน ไปอยู่โรงเรียนอื่น ทำให้เหลือเพียงครูอยู่ 3 คน ซึ่งต้องมาทำหน้าที่แทน ผอ.โรงเรียน 1 คน และครูทำหน้าที่สอน 2 คน ส่งผลให้ผลการเรียนของนักเรียนแย่ลง ขณะเดียวกัน เวลานี้ชาวบ้านบางคนก็เกิดความไม่มั่นใจในอนาคตของโรงเรียน จึงตัดสินใจย้ายลูกของตนเองไปเรียนที่โรงเรียนอื่นทำให้จำนวนนักเรียนลดลงไปอีก โดยปัจจุบันมีนักเรียนอยู่ 53 คนจากเดิมมีประมาณ 60 คน
“ชาวบ้านสงสัยว่า มีความพยายามที่จะกลั่นแกล้งโรงเรียน เพื่อให้มีการยุบรวมโรงเรียน ทั้งนี้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวกำลังจะมีการประกาศเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหล็กบางสะพาน ซึ่งจะมีการเวนคืนที่ดิน 4 หมู่บ้านใน ต.ธงชัย เพื่อรองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีวัดตั้งอยู่แล้ว เหลือโรงเรียนอยู่ 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านดอนสูง จึงมีความพยายามทำให้จำนวนนักเรียนลดลงเพื่อให้ สพฐ.ตัดสินใจยุบโรงเรียน ตัวอย่างที่น่าสงสัย โรงเรียนบ้านดอนสูง มีนักเรียนอยู่ 53 คน แต่ สพป.ประจวบคีรีขันธ์ กลับทำรายงานแจ้งมายัง สพฐ.ว่า มีนักเรียนเพียง 43 คน และยังไปย้าย ผอ.โรงเรียน ไปโรงเรียนอื่นด้วย เพราะฉะนั้น ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาเรียกร้องกับ สพฐ.ขอให้คืน ผอ.โรงเรียน และครูให้กับโรงเรียน โดยไม่จำเป็นต้องเป็น ผอ.โรงเรียน คนเดิม พวกเรายืนยันจะไม่ยอมให้ยุบโรงเรียน เพราะโรงเรียนสร้างขึ้นมาจากที่ดินของชาวบ้าน มาจากความร่วมมือของชาวบ้าน ทุกคนรักโรงเรียน ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองมงคล ก็ต้องเดินทางไกล”
ด้านนายชินภัทร กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนของหมู่บ้านไว้แล้ว ภายในสัปดาห์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่ เบื้องต้น สพฐ.จะไม่ยุบโรงเรียนแห่งนี้ แต่โรงเรียนต้องตอบโจทย์สำคัญ 2 ข้อให้ได้ คือ ต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก และผลการจัดการเรียนการสอนต้องได้คุณภาพด้วย ถ้าตอบโจทย์ 2 เรื่องนี้ สพฐ.จะจัดสรรตำแหน่ง ผอ.โรงเรียน 1 ตำแหน่ง ครู 3 ตำแหน่ง เพื่อให้โรงเรียนอยู่ได้โดยไม่ต้องยุบ
วันนี้ (4 ก.ค.) เวลา 14.30 น. นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านดอนสูง พร้อมด้วย กลุ่มชาวบ้านและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านดอนสูง ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 50 คน เดินทางมายังกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส่งผู้อำนวยการและครูให้กับโรงเรียนบ้านดอนสูง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ โดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) รับเรื่องด้วยตนเอง
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า โรงเรียนบ้านดอนสูง ตั้งมาเมื่อปี 2516 หรือเกือบ 40 ปีที่แล้ว โดยได้รับการบริจาคที่ดินจากชาวบ้าน และตลอดเวลาที่ผ่านมา ชุมชนได้เข้าไปให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษา ในหลายๆ ด้าน เช่น เวลาขาดแคลนเงิน หรือขาดแคลนครู ชุมชนจะจัดผ้าป่าระดมเงินให้โรงเรียน และผลการเรียนของโรงเรียนก็อยู่ในระดับดีมาตลอด คะแนนทดสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ (O-Net) ในวิชาภาษาไทย ได้เป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดซึ่งมีโรงเรียนประถมศึกษาอยู่ จำนวน 130 กว่าโรง ส่วนคะแนน O-Net ในภาพรวมได้อันดับที่ 4 ของจังหวัด ทั้งที่มีครูเพียง 3 คน ผอ.โรงเรียน 1 คน แต่ต่อมาได้มีนโยบายจาก ศธ.ให้ยุบรวมโรงเรียนบ้านดอนสูงกับโรงเรียนบ้านหนองมงคล ซึ่งไม่มีการแจ้งเรื่องดังกล่าวให้นักเรียน ผู้ปกครอง และชาวบ้านในชุมชนได้ทราบล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ได้มีคำสั่งย้าย ผอ.โรงเรียน ไปอยู่โรงเรียนอื่น ทำให้เหลือเพียงครูอยู่ 3 คน ซึ่งต้องมาทำหน้าที่แทน ผอ.โรงเรียน 1 คน และครูทำหน้าที่สอน 2 คน ส่งผลให้ผลการเรียนของนักเรียนแย่ลง ขณะเดียวกัน เวลานี้ชาวบ้านบางคนก็เกิดความไม่มั่นใจในอนาคตของโรงเรียน จึงตัดสินใจย้ายลูกของตนเองไปเรียนที่โรงเรียนอื่นทำให้จำนวนนักเรียนลดลงไปอีก โดยปัจจุบันมีนักเรียนอยู่ 53 คนจากเดิมมีประมาณ 60 คน
“ชาวบ้านสงสัยว่า มีความพยายามที่จะกลั่นแกล้งโรงเรียน เพื่อให้มีการยุบรวมโรงเรียน ทั้งนี้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวกำลังจะมีการประกาศเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหล็กบางสะพาน ซึ่งจะมีการเวนคืนที่ดิน 4 หมู่บ้านใน ต.ธงชัย เพื่อรองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีวัดตั้งอยู่แล้ว เหลือโรงเรียนอยู่ 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านดอนสูง จึงมีความพยายามทำให้จำนวนนักเรียนลดลงเพื่อให้ สพฐ.ตัดสินใจยุบโรงเรียน ตัวอย่างที่น่าสงสัย โรงเรียนบ้านดอนสูง มีนักเรียนอยู่ 53 คน แต่ สพป.ประจวบคีรีขันธ์ กลับทำรายงานแจ้งมายัง สพฐ.ว่า มีนักเรียนเพียง 43 คน และยังไปย้าย ผอ.โรงเรียน ไปโรงเรียนอื่นด้วย เพราะฉะนั้น ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาเรียกร้องกับ สพฐ.ขอให้คืน ผอ.โรงเรียน และครูให้กับโรงเรียน โดยไม่จำเป็นต้องเป็น ผอ.โรงเรียน คนเดิม พวกเรายืนยันจะไม่ยอมให้ยุบโรงเรียน เพราะโรงเรียนสร้างขึ้นมาจากที่ดินของชาวบ้าน มาจากความร่วมมือของชาวบ้าน ทุกคนรักโรงเรียน ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองมงคล ก็ต้องเดินทางไกล”
ด้านนายชินภัทร กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนของหมู่บ้านไว้แล้ว ภายในสัปดาห์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่ เบื้องต้น สพฐ.จะไม่ยุบโรงเรียนแห่งนี้ แต่โรงเรียนต้องตอบโจทย์สำคัญ 2 ข้อให้ได้ คือ ต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก และผลการจัดการเรียนการสอนต้องได้คุณภาพด้วย ถ้าตอบโจทย์ 2 เรื่องนี้ สพฐ.จะจัดสรรตำแหน่ง ผอ.โรงเรียน 1 ตำแหน่ง ครู 3 ตำแหน่ง เพื่อให้โรงเรียนอยู่ได้โดยไม่ต้องยุบ
