xs
xsm
sm
md
lg

รายงานมาตรา 301 พิเศษ : แผงกระสุนของสหรัฐฯเพื่อสกัดการเข้าถึงยา/คอลัมน์ได้อย่าง…ไม่เสียอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รศ.ดร.ภญ.นุศราพร เกษสมบูรณ์
สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ออก “รายงานมาตรา 301 พิเศษ” (Special 301 Report) ประจำปี 2012 โดยยังคงจัดให้ไทยเป็นประเทศในกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List : PWL) ซึ่งสหรัฐฯ ถือว่าเป็นประเทศที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในระดับสูง และอ้างว่า ไทยยังไม่ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ ไทยติดบัญชี PWL เป็นปีที่ 5 (เช่นเดียวกับรัสเซียและจีน) โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 หลังจากที่ไทยนำมาตรการใช้สิทธิ์ตามสิทธิบัตรโดยรัฐ หรือมาตรการซีแอล มาใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาจำเป็น ทั้งที่ก่อนปี พ.ศ.2550 ไทยเคยอยู่ในระดับบัญชีที่ต้องจับตามอง (Watch List) หรือเป็นประเทศที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่พอสมควร เท่านั้น

หากลองมองย้อนหลัง สหรัฐฯ พยายามใช้มาตรการทางการค้าโดยผูกโยงกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาในหลายรูปแบบมากว่า 2 ทศวรรษแล้ว ไม่เฉพาะการออกรายงานมาตรา 301 พิเศษ เท่านั้น ดังตัวอย่าง

1.ปี พ.ศ.2528 สหรัฐฯ เสนอให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP (Generalized System of Preferences เพื่อแลกเปลี่ยนให้ไทยขยายการคุ้มครองสิทธิบัตรตัวยาและผลิตภัณฑ์ยา (จากเดิมที่ไทยยอมให้มีการจดสิทธิบัตรเฉพาะกระบวนการผลิตยาเท่านั้น) และขยายอายุสิทธิบัตรจาก 15 ปี เป็น 20 ปี ซึ่งถูกคัดค้านจากนักวิชาการ บุคลากรสาธารณสุข และองค์กรพัฒนาเอกชนอย่างกว้างขวาง แต่ในที่สุดเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ.2535 รัฐบาลในยุคนั้นก็ได้แก้ไข พระราชบัญญัติสิทธิบัตรตามที่สหรัฐฯต้องการ ท่ามกลางเสียงคัดค้านที่ยังไม่จางหาย

2.ปี พ.ศ.2537 สหรัฐฯ บรรลุผลสำเร็จในการผลักดัน*b* ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า*b* (Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights, TRIPs Agreement หรือ ความตกลงทริปส์) ให้อยู่ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก ซึ่งให้การคุ้มครอง สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ รวมทั้งยาและผลิตภัณฑ์ยา และกำหนดอายุสิทธิบัตร 20 ปี ไทยซึ่งเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตาม

อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก ได้ตระหนักถึงผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพของประชาชน จึงมีมติให้ขยายเวลาการทำตามความตกลงทริปส์ตามระดับของการพัฒนา กล่าวคือ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศด้อยพัฒนา ต้องแก้ไขกฎหมาย ภายในประเทศในปี พ.ศ.2538, 2543 และ 2548 ตามลำดับ แต่รัฐบาลไทยผู้ซึ่งเป็นเด็กดีของสหรัฐฯได้แก้ไขพระราชบัญญัติสิทธิบัตรให้คุ้มครองสิทธิบัตรตัวยาและผลิตภัณฑ์ยา โดยมีอายุสิทธิบัตรเป็น 20 ปี มาตั้งแต่ พ.ศ.2535 แล้ว นั่นคือ ประเทศไทยได้แก้ไขพระราชบัญญัติสิทธิบัตรเป็นไปตามความตกลงทริปส์ ก่อนเวลาที่กำหนดตามความตกลงทริปส์ ถึง 8 ปี จึงทำให้คนไทยต้องใช้ยาที่มีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีราคาแพงก่อนเวลาอันควรถึง 8 ปี

3.ปัจจุบัน สหรัฐฯพยายามผลักดันให้มีการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดขึ้นหรือที่เรียกว่า *b*ทริปส์ผนวก (TRIPs-plus) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี*b*ระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ รวมถึงความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐอเมริกา ที่เริ่มมีการเจรจา ตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2547 จนถึงการเจรจาครั้งล่าสุด ครั้งที่ 6 กลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 ซึ่งมีการชุมนุมคัดค้านอย่างกว้างขวาง จนต้องหยุดการเจรจามาจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประเด็นที่คัดค้านกันมากต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ เช่น การขยายระยะเวลาผูกขาดยาเพื่อชดเชยข้ออ้างเรื่องความล่าช้าจากการออกเอกสารสิทธิบัตร หรือการขึ้นทะเบียนตำรับยา การผูกขาดข้อมูลยาสิทธิบัตร ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นทะเบียนยาชื่อสามัญของผู้ผลิตชาวไทยที่ต้องล่าช้าออกไป และผลการศึกษาวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พบว่า หากเรายอมตามเงื่อนไขที่สหรัฐฯเรียกร้องทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยต้องจ่ายค่ายาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นมูลค่าสูงถึง 800,000 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2570 และอุตสาหกรรมการผลิตยาภายในประเทศจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดเป็นมูลค่าถึง 300,000 ล้านบาท ในปีเดียวกัน เป็นต้น

การรู้เท่าทันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หน่วยงานที่จะไปเจรจาต้องเตรียมข้อมูลผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในทางเลือกเชิงนโยบายต่างๆ อย่างรอบคอบ ตลอดจนการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อนำไปสู่การกำหนดท่าทีของไทยอย่างเหมาะสม กระบวนการเจรจาต่อรองต้องโปร่งใสและเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและการเข้าถึงยาจำเป็นของคนไทย

*****

คอลัมน์ ได้อย่าง...ไม่เสียอย่าง

**DRGs Version 5 ความเป็นธรรมของระบบสาธารณสุขไทย/คอลัมน์ ได้อย่าง...ไม่เสียอย่าง
**การแยกขยะ มาตรวัดกึ๋นท้องถิ่นบ้านเรา/คอลัมน์...ได้อย่าง ไม่เสียอย่าง
**ไม่ได้แล้วยังจะเสีย/คอลัมน์...ได้อย่าง ไม่เสียอย่าง
**ชักจะขำไม่ออกเสียแล้ว/คอลัมน์ ได้อย่าง ไม่เสียอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น