xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญสับ รบ.โกหก ย้ำสารโทลูอีนมีพิษร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้เชี่ยวชาญสารเคมี แฉ รบ.เบือนข้อมูลสารโทลูอีนที่ตกค้างจากเหตุระเบิดโรงงานมาบตาพุด ว่า ไม่ก่อมะเร็ง ตอกกลับเจอแค่โอโซนกับแสงแดด ก็อยู่ได้นานกว่า 70 ปีแล้ว หากสูดเข้าไปเป็นเวลานานจะเป็นพิษต่อระบบประสาท สับ รบ.ไม่ควรประกาศสถานการณ์ปกติ แต่ต้องเฝ้าระวังและตรวจสารเคมีอีกหลายชนิด
แฟ้มภาพ
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ นางสาววลัยพร มุขสุวรรณ รองผู้อำนวยการมูลนิธิ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสารเคมี เปิดเผยว่า สารโทลูอีนที่ตกค้างหลังเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ที่โรงงานของบริษัท บีเอสทีอิลาสโตเมอร์ ในเครือบริษัทกรุงเทพซินธิติกส์ (BST) ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยลำพังจะระเหยง่าย แต่เมื่ออยู่ในบรรยากาศที่มีโอโซน และแสงแดด จะคงตัวอยู่ได้นานถึง 27,950 วัน หรือมากกว่า 76 ปี ทั้งนี้ ในพื้นที่มาบตาพุดมีการตรวจพบสารโอโซนโดยกรมควบคุมมลพิษในจำนวนเกินค่ามาตรฐานทุกปี และในทุกสถานีตรวจวัดของพื้นที่มาบตาพุดตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าสารโทลูอีนที่ปล่อยออกมาจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ จะคงอยู่ยาวนานมากกว่า 2 วัน และอาจมากถึง 70 กว่าปี เพิ่มโอกาสที่ประชาชนจะได้รับสารโทลูอีน ซึ่งมีฤทธิ์เฉียบพลัน คือ ระคายเคืองจมูกปอด และเจ็บในทรวงอก ส่วนในระยะยาว สารโทลูอีนมีพิษต่อตับ ไต สมอง กระเพาะปัสสาวะ และระบบประสาท รวมทั้งพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ ดังนั้น มาตรการเฝ้าระวังสารเคมีปนเปื้อนในสภาพแวดล้อมต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มิใช่ว่าเพียงสองวันก็ประกาศว่าสถานการณ์เป็นปกติแล้ว

นางสาววลัยพร กล่าวอีกว่า การเฝ้าระวังค่าปนเปื้อนของสารเคมีในอากาศยังจำเป็นต้องตรวจวัดสารเคมีอีกหลายชนิด มิใช่สารโทลูอีนเพียงอย่างเดียว เพลิงไหม้ที่โรงงาน BST ทำให้สารโทลูอีนถูกเผาไหม้ ก่อปฏิกิริยาทางเคมีเปลี่ยนเป็นสารที่มีพิษต่อร่างกายได้อีกหลายชนิด เช่น หากโทลูอีนถูกเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะเกิดสารคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้คลื่นไส้ เวียนหัว จนถึงหมดสติและเสียชีวิตได้หากได้รับในปริมาณมาก หากเผาไหม้เกือบสมบูรณ์ จะเกิดสารคาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นพิษเมื่อสูดดม ระคายเคืองผิวหนัง ระคายตา ทางเดินหายใจส่วนบน และยังเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ควันดำที่เห็นจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน BST เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าสารโทลูอีนได้ถูกเผาไหม้อย่างไม่สมบูรณ์ ซึ่งก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องทางเคมี กลายเป็นสารเคมีอีกหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นสารอันตรายและมีฤทธิ์เฉียบพลัน บางชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเฝ้าระวังค่าปนเปื้อนของสารเคมีอื่นๆ และแจ้งผลให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

นางสาววลัยพร กล่าวต่อว่า การให้ข้อมูลทั้งจากบริษัทและหน่วยงานรัฐเฉพาะเจาะจงที่สารโทลูอีน และการย้ำว่า ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง จึงถือเป็นการบิดเบือนข้อมูล ทำให้ความน่ากลัวของเหตุการณ์น้อยลง ซึ่งเข้าใจได้ในแง่ที่ไม่อยากให้สาธารณชนแตกตื่น อย่างไรก็ตาม อาจทำให้ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น หน่วยกู้ภัยและนักข่าวที่เข้าไปทำข่าว หรือชุมชนรอบๆ ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด และไม่ป้องกันตัวอย่างเพียงพอ เช่น มีรายงานว่า นักข่าวที่บินไปทำข่าวกับเฮลิคอปเตอร์ในวันต่อมาถึงกับหน้ามืด และอาเจียนจากการสูดสารเคมีเข้าไปเป็นระยะเวลานาน

ด้าน นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้ให้ความเห็นต่อกรณีนี้ ว่า การที่สามารถควบคุมเหตุเพลิงได้ภายในเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็ว รวมทั้งตัดสินใจประกาศอพยพ 18 ชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบหากเหตุลุกลามเป็นวงกว้างในครั้งนี้ ถือได้ว่าการจัดการกับอุบัติภัยสารเคมีของประเทศไทยมีพัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนจำเป็นต้องปรับปรุงอีกมาก ซึ่งส่วนที่สำคัญคือ การแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเหตุครั้งนี้ยังพบปัญหาในทางปฏิบัติอยู่หลายส่วน เช่น ชาวบ้านไม่ได้ยินเสียงตามสาย เพราะฝนตกหนัก ระบบ sms ไม่แจ้งเตือน เพราะเจ้าหน้าที่เพิ่งรับทราบข่าวหลังเหตุสงบแล้ว จุดรวมพลในการอพยพไม่ชัดเจน หรือแม้จะมีการประกาศผ่านทางสื่อโทรทัศน์แต่ประชาชนในพื้นที่ที่ไม่ได้ดูทีวีก็ไม่ได้รับข้อมูล เป็นต้น

ทั้งนี้ นางสาวเพ็ญโฉม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องจากมาบตาพุดเป็นพื้นที่ที่มีการใช้ ผลิต และเก็บสารเคมีอันตรายมากที่สุดในประเทศไทย หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอุบัติภัยสารเคมี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบการแจ้งเตือนภัย การอพยพ และการจัดการกับอุบัติภัยจะต้องทำงานได้ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ หากอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นที่ถังเก็บสารโทลูอีน แต่เป็นสารเคมีชนิดอื่นที่ร้ายแรงกว่า เพราะโรงงานปิโตรเคมีทุกโรงในมาบตาพุด มีการใช้และผลิตสารเคมีอันตรายอีกจำนวนมากที่มีอันตรายร้ายแรงกว่าสารโทลูอีน และหากไม่ได้เกิดในระหว่างที่โรงงานดังกล่าวปิดทำการในวันหยุด โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ก็อาจรุนแรงและส่งผลเสียหายยิ่งกว่านี้ การป้องกันและเตรียมรับมือจึงมีความจำเป็น

ในแง่การเยียวยารักษาผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยในครั้งนี้ นางสาวเพ็ญโฉม กล่าวว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนงานทั้งของบริษัท BST และบริษัทรับเหมาเฉพาะทาง และเนื่องจากสารที่ได้รับสัมผัสจำนวนมาก ซึ่งยังระบุไม่ได้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว จึงจำเป็นต้องมีมาตรการติดตามเฝ้าระวังสุขภาพระยะยาวของคนงานผู้ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจะต้องเร่งสร้างมาตรการเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น