ชาวบ้านมาบตาพุดผวาปัญหาโรงงานระเบิด-แก๊สรั่ว

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านมาบตาพุด เมืองระยองผวาปัญหาโรงงานระเบิด-แก๊สรั่ว ทั้งๆ ที่ผ่านมาเตือนแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีหน่วยงานใดแก้ไขอย่างจริงจัง

นายน้อย ใจตั้ง บ้านชาวนคลองน้ำหู จ.ระยอง กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดและแก๊สรั่วในพื้นที่มาบตาพุดว่า สร้างความหวั่นผวาต่อประชาชนในพื้นที่มาบตาพุด และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยบางคนต้องหนีตายไม่ห่วงทรัพย์สิน ไปอยู่บ้านเพื่อน หรือบ้านญาติพี่น้อง เพราะหวั่นจะได้รับอันตราย หรือผลกระทบที่เกิดขึ้น

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ติดต่อมาพูดคุยกับตนเมื่อเช้าของวันนี้ถึงปัญหาและเหตุการณ์ ซึ่งตนก็ตอบไปว่า ในช่วงสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีได้เกิดปัญหาแก๊สรั่วเช้า-รั่วเย็น แต่มาในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกิดเหตุระเบิดเช้า-ระเบิดเย็น แล้วประชาชนจะอยู่กันได้อย่างไร

นายน้อย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ถึงรัฐบาล หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่า การก่อสร้างโรงงานต่างๆ นั้น สามารถก่อสร้างได้ เพื่อความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศชาติ แต่ก็ขอให้ช่วยดูแลด้านคุณภาพและสิ่งแวดล้อม โดยอย่าให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยได้กำชับแล้วแต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วจะให้ประชาชนทำอย่างไร

สำหรับโรงงานต่างๆ ที่สร้างขึ้นมานั้น ไม่ใช่ก่อสร้างวันนี้ และพรุ่งนี้เลิกไป ซึ่งไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้น การก่อสร้างควรจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและปลอดภัย แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โรงงานต่างๆ ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนเลย และมีการฟ้องร้องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด มีการฟ้องโรงงานหลายแห่งที่มีการก่อสร้างโรงงานโดยไม่มีการตอกเสาเข็ม โดยอ้างว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นหินแข็ง และไม่เกิดปัญหา ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะโรงงานนั้นต้องอยู่อีกหลาย 10 ปี จะไม่มีวันดินทรุด หรือเกิดปัญหาได้อย่างไร

นายน้อย กล่าวว่า ขณะนี้ตนเป็นห่วงตัวเอง และเพื่อนบ้าน ที่ต้องมาประสบปัญหาดังกล่าว ซึ่งบางคนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในการหลบหนี หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว แต่ประชาชนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่มีที่ให้ไปพักอาศัยจะให้ทำอย่างไร และในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง จะไม่กลายเป็นเมืองร้างได้อย่างไร เพราะประชาชนหวาดผวา ต้องหลบหนี หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นอย่างแน่นอน

ปัญหาโรงงานระเบิดขึ้นนั้น เบื้องต้นทราบว่า มีผู้เสียชีวิต 12 ราย แต่ในความเป็นจริงอาจจะมากกว่านั้น เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดภายในโรงงานได้ นอกจากนั้น เหตุการณ์แก๊สรั่วนั้น ทางจังหวัดระยอง รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่กี่ราย แต่ทางชาวบ้านและกลุ่มอนุรักษ์ เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลมาบตาพุด พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 ราย ซึ่งข้อมูลของจังหวัด และของชาวบ้านก็ไม่ตรงกันเลย

ด้าน นายศรัลย์ ธนากรภักดี กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น มาบตาพุด กล่าวถึง 2 เหตุการณ์คือ โรงงานกรุงเทพ ซินธิติกส์ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดระเบิด และจากนั้นอีกไม่นานก็เกิดเหตุแก๊สรั่ว จากโรงงานอดิตยาเบอร์ล่า เคมิคัลส์ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นตัวอย่างเชิงประจักษ์แล้วว่า ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านความปลอดภัยจากโรงงาน ยังไม่มีประสิทธิภาพ จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ทางกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ดำเนินการติดตามปัญหาโรงงานในพื้นที่จังหวัดระยองอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องศาลปกครอง จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเครือข่ายดังกล่าว โดยทางกลุ่มของตนพร้อมให้การสนับสนุน เนื่องจากจังหวัดระยองมีปัญหามาก จึงต้องแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลง

นายศรัลย์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มของตน อยู่ระหว่างการติดตามปัญหาโรงงานแยกแก๊สของ ปตท. ซึ่งพบว่า ไม่มีการตอกเสาเข็มในการก่อสร้างโรงงาน ที่สำคัญ ยังมีอีกหลายโรงงานที่พบว่าไม่ตอกเสาเข็มเช่นกัน ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 10 โรงงานในพื้นที่จังหวัดระยอง

สาเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างโรงงาน โดยไม่มีการการตอกเสาเข็มนั้น และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการเร่งด่วน โดยหากโครงการไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด อาจไม่ได้รับใบอนุญาตในการก่อสร้าง ดังนั้น จึงต้องตัดบางขั้นตอนในการก่อสร้างออกไป

นายศรัลย์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ได้มีการฟ้องร้องศาลปกครอง และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอการตรวจทานของศาลปกครองจะสั่งการอย่างไรต่อไป ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล