“หม่อมพงษ์สวัสดิ์” เผย สั่งปิดโรงงานต้นเหตุบึ้มมาบตาพุดแล้ว พร้อมตรวจสอบระบบ รปภ.ทุกโรงงานในนิคม ยันวัดคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่พบสารก่อมะเร็ง คาดประชาชนกลับบ้านได้วันนี้ การันตีไม่กระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ คาดสาเหตุพนักงานพลาดระหว่างซ่อม เล็งปรับปรุงการแจ้งเตือน ระบุนายกฯ จี้ดูแลผู้บาดเจ็บ,ป้องกันมลพิษ รับป่วยเพียบเพราะสูดสารเข้าปอด
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่กองบินตำรวจ ท่าแร้ง รามอินทรา เมื่อเวลา 09.20 น. ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยก่อนลงพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ร่วมกับนายกรัฐมนตรีว่า ได้สั่งการให้ปิดโรงงานของบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง แล้ว หลังเกิดเหตุระเบิด พร้อมสั่งการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของทุกโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เนื่องจากกว่าร้อยละ 50 เป็นโรงงานเกี่ยวกับสารเคมี แต่ก็มีมาตรฐานความปลอดภัยและดูแลระบบสิ่งแวดล้อม สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเปิดอีกครั้งหลังตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยโรงงานโดยรอบทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ พบสารไฮโดรคาร์บอน ประมาณ 10-20 อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่เป็นอันตราย และไม่พบสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง จึงไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งคาดว่าประชาชนน่าจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนและชุมชนได้ภายในวันนี้ (6 พ.ค.)
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากสามารถคุมเหตุการณ์ไม่ให้ลุกลาม หรือเกิดผลกระทบด้านมลพิษได้เป็นอย่างดี ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่ได้มาจากสภาพอากาศ แต่น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ซึ่งก็ต้องมีการสอบสวนต่อไป เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการซ่อมบำรุง ไม่ใช่การปฏิบัติการตามปกติของทางโรงงาน แต่ยอมรับว่าต้องมีการปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนไปยังชุมชนรอบนิคม โดยเฉพาะระบบของหอกระจายข่าวที่ต้องปรับระดับเสียงให้ดังขึ้นเนื่องจากขณะเกิดเหตุมีฝนตก ทำให้ประชาชนไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนการป้องกันเรื่องมลพิษ ซึ่งมั่นใจได้ว่าไม่มีสารเคมีตกค้างในอากาศ และแหล่งน้ำ รวมถึงน้ำที่ใช้ในการดับเพลิงได้มีการบำบัดภายในนิคม ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าวต่อว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิต 12 ราย โดยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย ที่โรงพยาบาล 3 ราย ส่วนผู้ป่วยมีจำนวน 105 คน ส่วนใหญ่เกิดจากการสูดดมกลิ่นสารเคมีเข้าไปจึงมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลอีก 25 คน ห้องไอซียู 3 คน ส่วนที่เหลือกลับบ้านได้แล้ว ทั้งนี้ ทางบริษัท ประกาศจะรับผิดชอบเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และชุมชนโดยรอบ