เตือนประชาชนไม่ควรเข้าใกล้บริเวณดินติดไฟ กรมควบคุมโรค ชี้ มีสารทำให้เกิดระคายเคือง และสารก่อมะเร็ง
นพ.สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบพื้นที่ใน จ.พิษณุโลก มีความผิดปกติ ไฟปะทุบนพื้นที่โรงงานถ่านเก่า ว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจวัดก๊าซบริเวณดังกล่าว พบว่า มีก๊าซที่อยู่ในอากาศหลายชนิดด้วยกัน แต่ก๊าซที่พบเป็นหลัก คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ นอกจากนี้ ยังพบ คาร์บอนไดซัลไฟด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย เป็นต้น โดยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เมื่อโดนน้ำจะกลายเป็นกรด ทำให้เกิดความระคายเคืองได้หากสัมผัส และทำให้แสบตา แสบคอได้ ส่วนสารที่ตัวที่น่าเป็นห่วง คือ คาร์บอนไดซัลไฟด์ ที่มีฤทธ์ทำให้เกิดความระคายเคืองได้เช่นกัน และหากได้รับอย่างต่อเนื่อง สารดังกล่าวยังเป็นสารทำให้ก่อมะเร็งได้ด้วย และหากได้รับปริมาณมาก จะส่งผลต่อระบบประสาท ส่วนก๊าซตัวอื่นๆ เช่น มีเทน ไม่มีอันตรายอะไรมาก แต่สามารถติดไฟได้ หากมีเชื้อบริเวณนั้นๆ จึงควรระมัดระวังเรื่องเชื้อไฟ
“สำหรับพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้เข้าควบคุมโดยการกั้นบริเวณแล้ว โดยสารเหล่านี้ที่พบ เกิดจากสารอินทรีย์ที่ทับถมกันเป็นเวลานาน ซึ่งปริมาณที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชนได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปริมาณก๊าซ ระยะทางที่ห่างจากต้นกำเนิดก๊าซ การระบายอากาศ ในกรณีดังกล่าวถือว่า โชคดี เพราะเกิดในที่โล่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี แต่ประชาชนก็ไม่ควรเข้าใกล้ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดประกายไฟ และไม่ควรยืนอยู่ใต้ลม เพราะเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากก๊าซได้เช่นกัน”นพ.สมเกียรติ กล่าว
นพ.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอย่างไรก็ยังถือว่าไม่ควรเข้าใกล้ในระยะที่เจ้าหน้าที่ได้กั้นไว้ ส่วนแหล่งน้ำใกล้เคียง เช่น น้ำบาดาล หรือ แหล่งน้ำธรรมชาติ หากพบว่าอยู่ใกล้มาก ก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ ทั้งนี้ การฉีดน้ำเพื่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าว เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว เพื่อช่วยลดการฟุ้งกระจายของก๊าซลง โดยไม่ควรสัมผัสน้ำที่ถูกก๊าซในบริเวณดังกล่าว เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย หรือผู้ที่ได้รับอันตรายจากการกระจายของก๊าซบริเวณดังกล่าว
นพ.สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบพื้นที่ใน จ.พิษณุโลก มีความผิดปกติ ไฟปะทุบนพื้นที่โรงงานถ่านเก่า ว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจวัดก๊าซบริเวณดังกล่าว พบว่า มีก๊าซที่อยู่ในอากาศหลายชนิดด้วยกัน แต่ก๊าซที่พบเป็นหลัก คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ นอกจากนี้ ยังพบ คาร์บอนไดซัลไฟด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย เป็นต้น โดยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เมื่อโดนน้ำจะกลายเป็นกรด ทำให้เกิดความระคายเคืองได้หากสัมผัส และทำให้แสบตา แสบคอได้ ส่วนสารที่ตัวที่น่าเป็นห่วง คือ คาร์บอนไดซัลไฟด์ ที่มีฤทธ์ทำให้เกิดความระคายเคืองได้เช่นกัน และหากได้รับอย่างต่อเนื่อง สารดังกล่าวยังเป็นสารทำให้ก่อมะเร็งได้ด้วย และหากได้รับปริมาณมาก จะส่งผลต่อระบบประสาท ส่วนก๊าซตัวอื่นๆ เช่น มีเทน ไม่มีอันตรายอะไรมาก แต่สามารถติดไฟได้ หากมีเชื้อบริเวณนั้นๆ จึงควรระมัดระวังเรื่องเชื้อไฟ
“สำหรับพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้เข้าควบคุมโดยการกั้นบริเวณแล้ว โดยสารเหล่านี้ที่พบ เกิดจากสารอินทรีย์ที่ทับถมกันเป็นเวลานาน ซึ่งปริมาณที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชนได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปริมาณก๊าซ ระยะทางที่ห่างจากต้นกำเนิดก๊าซ การระบายอากาศ ในกรณีดังกล่าวถือว่า โชคดี เพราะเกิดในที่โล่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี แต่ประชาชนก็ไม่ควรเข้าใกล้ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดประกายไฟ และไม่ควรยืนอยู่ใต้ลม เพราะเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากก๊าซได้เช่นกัน”นพ.สมเกียรติ กล่าว
นพ.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอย่างไรก็ยังถือว่าไม่ควรเข้าใกล้ในระยะที่เจ้าหน้าที่ได้กั้นไว้ ส่วนแหล่งน้ำใกล้เคียง เช่น น้ำบาดาล หรือ แหล่งน้ำธรรมชาติ หากพบว่าอยู่ใกล้มาก ก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ ทั้งนี้ การฉีดน้ำเพื่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าว เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว เพื่อช่วยลดการฟุ้งกระจายของก๊าซลง โดยไม่ควรสัมผัสน้ำที่ถูกก๊าซในบริเวณดังกล่าว เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย หรือผู้ที่ได้รับอันตรายจากการกระจายของก๊าซบริเวณดังกล่าว
